وَآخَرُونَ مُرْجَوْنَ لِأَمْرِ اللَّهِ إِمَّا يُعَذِّبُهُمْ وَإِمَّا يَتُوبُ عَلَيْهِمْ ۗ وَاللَّهُ عَلِيمٌ حَكِيمٌ ﴿١٠٦﴾
9:106 และมีชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยังรอคำบัญชาของอัลลอฮฺ พระองค์อาจจะทรงลงโทษพวกเขา และพระองค์ก็อาจจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
เรื่องราวของ กะอบฺ อิบนุมาลิก อัลอันซอรียฺ และศ่อฮาบะฮฺอีก 2 ท่าน (หิล้าลและมุรอเราะฮฺ) ที่ไม่ได้ร่วมสงครามตะบู๊ก(ฮ.ศ.9) กับท่านนบี ท่านสำนึกผิดและสารภาพกับนบี นบีสั่งให้บอยคอตและรอคำสั่งจากอัลลอฮฺ ระยะเวลาบอยคอต 50 วัน เป็นช่วงที่น่าอึดอัดกังวลใจอย่างมาก จนถึงวินาทีที่อัลลอฮฺประทานอัลกุรอานลงมาว่า พระองค์ทรงรับการเตาบัตของศ่อฮาบะฮฺทั้ง 3 ท่าน ความดีใจก็ปกคลุมทั่วเมืองมะดีนะฮฺ (เชคอ่านหะดีษที่เล่าจากลูกของกะอบฺ อิบนุมาลิก อย่างละเอียด)
"ฉันรู้ดีว่า หากพูดโกหกวันนี้ ท่านพอใจฉัน อีกไม่นาน อัลลอฮฺอาจจะทำให้ท่านโกรธฉันอีกที และถ้าฉันพูดจริงต่อท่าน ถึงท่านนบีจะไม่พอใจ แต่ฉันหวังในความอภัยโทษจากอัลลอฮฺ"
---
คำเตือน
***บทความในตัฟซีรนี้ อาจทำให้ท่านต้องพูดความจริงและได้เป็นที่รักของอัลลอฮฺ***
---
ตัฟซีรซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ อายะฮฺ 106
- พูดถึงสงครามตะบู๊ก ที่มีคนที่ไปและไม่ได้ไป
- มีคน 3 กลุ่มที่แยกได้
- คนที่ไปสงคราม
- คนที่ไม่ไปสงคราม และนิ่งเฉย ไม่ขออภัยท่านนบี
- คนที่ไม่ไปสงครามและมาสารภาพกับท่านนบี จนถูกบอยคอต (กลุ่มนี้อัลลอฮฺทรงให้อภัย) มี 2 กลุ่ม กลุ่มของอบูลุบาบะฮฺ (อัลลอฮฺให้อภัยใน 2-3 วัน) และกลุ่มของกะอบฺ อิบนุมาลิก (บอยคอตและรอ 50 วัน)
---
***กลุ่มที่อยากให้ไฮไลท์เป็นพิเศษ
- คือกลุ่มคนอีกกลุ่มที่รอคำบัญชาของอัลลอฮฺ(พักไว้ว่าอัลลอฮฺจะให้อภัย) (อายะฮฺ 106) พระองค์อาจจะทรงลงโทษ หรือให้อภัยพวกเขา
- เคยมีบางกลุ่มที่อัลลอฮฺทรงให้นบีแฉกลางคุฏบะฮฺว่าเป็นมุนาฟิกและไล่ออกจากมัสยิด
---
1 ใน3 คนที่จะกล่าวถึงจากกลุ่มนี้คือ "ท่าน กะอบฺ อิบนุมาลิก"
---
รู้จักข้อมูลเบื้องต้นของท่าน กะอบฺ อิบนุมาลิก และ ข้อมูลสงครามตะบู๊ก
- ท่าน กะอบฺ อิบนุมาลิก เป็นเศาะฮะบะฮฺรุ่นบุกเบิก ที่ให้สัตยาบันกับท่านนบี และสนิทกับท่านนบีมากๆ
- สงครามนี้เป็นสงครามที่ร้อนมากๆ อาจจะ 50 องศา เดินทางเป็นพันกิโล ศัตรูจำนวนมาก ท่านนบีได้เปิดเผยทุกอย่างแล้ว
- มุสลิมที่ออกมากับท่านนบีเยอะมาก ประมาณสี่หมื่นกว่าคน
* ไม่มีการจดรายชื่อว่าใครออกสงครามนี้บ้างเพราะจำนวนมาก *
- ทุกคนที่ตั้งใจไม่ไป อาจจะคิดว่า คนอื่นหรือท่านนบีไม่น่าจะรู้เพราะคนเยอะมากที่ไป และตนเองถ้าไม่ใช่คนที่มีคนรู้จักเยอะยิ่งไม่เป็นที่สังเกตุ
- ท่านนบีออกสงครามช่วงที่ชาวมะดีนะฮฺ เก็บเกี่ยวอินทผลัม ช่วงทำมาหากิน การไปสู้รบครั้งนี้ เหมือนบททดสอบ เพราะสงครามที่จะไป คืออย่างน้อย 1-2 เดือน
---
***เรื่องเล่าจากลูกชายของ กะอบฺ อิบนุมาลิก อัลอันซอรียฺ
กะอบฺ อิบนุมาลิก อัลอันซอรียฺ
- กะอบฺ อิบนุมาลิก อัลอันซอรีย ได้เล่าเรื่องตอนที่ล่าช้าไปสงคราม
- ก่อนหน้านั้นท่านไม่ได้ล่าช้าในสงครามใด เว้นแต่สงครามตะบูก
- สงครามบัดรฺท่านก็ไม่ได้ไป แต่ท่านนบีไม่ได้ตำหนิคนที่ไม่ได้ไปสงครามบัดรฺ เพราะสงครามนั้นเป็นการดักกองคาราวานที่มาอธรรม และเป็นสงครามที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะมีการสู้รบ เพราะเป็นการยึดทรัพย์ของชาวกุเรช และได้มีการปะทะกันโดยที่ไม่ได้มีการนัดไว้
- แต่สงครามตะบูก เป็นการสู้รบกับโรมัน
- ท่าน กะอบฺ ไม่ได้มีนิสัยบิดพริ้วกับท่านนบี
---
ช่วงสงครามตะบู๊ก
- ในสงครามตะบู๊ก ท่านกะอบฺ พร้อมที่สุดแล้วในหลายๆเรื่อง
- ท่านบอกว่า ท่านได้เตรียมตัว แต่ยังไม่ได้ทำอะไร บอกตัวเองว่า "ทำได้"
- ฉันพยายามประวิงเวลา ทั้งที่คนอื่นๆพร้อมหมดแล้ว
- เช้าอีกวันทุกคนพร้อมและเริ่มเดินทาง แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย
- ฉันตั้งใจว่า อีก 1-2 วันจะเตรียมพร้อมและตามไปเหมือนบางคนที่คิดทำ
- ท่านได้สารภาพว่า ท่านลังเลในคำบัญชาของท่านนบี นี่คือความผิด
- เช้าอีกวันจะเตรียมตัวก็ไม่ได้ทำอะไร ความลังเลก็อยู่กับฉันจนท่านนบีจะถึงจุดหมาย
- คิดว่า ทิ้งทุกอย่างแล้วควบม้าตัวเดียวแล้วตามไป ถ้าฉันทำตอนนั้นคือดีเหลือเกิน
- ท่านบอกว่า "แต่อัลลอฮฺไม่ได้กำหนดให้ฉันได้เป็นเช่นนั้น" (ท่านพูดในสภาวะที่เตาบัตตัวแล้ว และเลิกจากความผิดนั้นแล้ว อันนี้ถือว่าอนุโลม แต่ถ้าพูดว่า อัลลอฮฺกำหนดว่าตัวเองทำผิด อันนี้ถือว่าเป็นคนไม่เอาไหน)
----
ช่วงสงคราม เมื่อท่านนบีกำลังออกรบ
- ที่มะดีนะฮฺ ท่านกะอบฺรู้สึกเศร้า ละอายใจทุกครั้งเวลาไปละหมาดที่มัสยิด หรือเดินในเมือง
- เพราะช่วงนั้นจะมี 2 กลุ่ม 1- พิการ(ไม่ต้องออกรบ) 2- เป็นคนมุนาฟิก
----
ในสงคราม
- ท่านนบีได้ถามหาท่านกะอบฺ
- ชายคนนึงได้ตอบว่า ไม่มาเพราะท่านกะอบฺติดเรื่องแต่งตัวและรักความงาม
- ท่านมุอาซ ได้กล่าวว่า "เลวร้ายเหลือเกินที่ท่านได้ใส่ร้ายกะอบฺ เราไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากว่า เขาเป็นคนดี"
- ท่านนบีก็ได้นิ่ง
---
ช่วงหลังสงคราม
- ท่านนบีได้เดินทางกลับ
- ท่านกะอบฺได้นึกและปรึกษาทุกคนว่า จะออกจากความโกรธของท่านนบีได้ยังไง
- พอได้ข่าวท่านนบีมาถึงมะดีนะฮฺ ท่านได้ล้มแผนทั้งหมด และรู้ตัวว่าต้องเจอท่านนบี และท่านมั่นใจว่าจะไม่สามารถพ้นได้ เลยวางแผนว่า จะพูดจริงอย่างเดียว
- ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน จะไม่โกหกโดยเด็ดขาด
- ท่านนบีได้มาถึงมะดีนะฮฺ และละหมาด 2 ร็อกอะฮฺ และนั่งคุยกับสาวกของท่านนบี
- คนที่ไม่ได้ไปสู้รบกับท่านนบี เริ่มมาหาท่านนบี หลายคนโกหกท่านนบีถึงกับสาบานเท็จ 80 กว่าคน
- นบีได้ดูผิวเผิน ไม่ได้ตรวจสอบและไม่ได้ติเตียนอะไรมาก ท่านก็ให้อภัยและดุอาอฺให้เขา และมอบหมายความจริงต่ออัลลอฮฺ
---
ท่านกะอบฺ เข้ามาสารภาพ
ท่านกะอบฺ ให้สลามต่อท่านนบีท่านนบียิ้ม แต่อมโกรธ
ท่านนบี : ทำไมไม่สู้รบ เจ้าเตรียมพาหนะแล้วไม่ใช่หรือ
ท่านกะอบฺ : ใช่แล้ว ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ถ้าฉันได้นั่งอยู่กับชาวดุนยาซักคน ข้าพเจ้ามีความสามารถที่จะพูดดี และทำให้เขาพอใจฉันได้ และข้าพเจ้ามีความสามารถในการโต้เถียง แต่ข้าพเจ้าขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ข้าพเจ้ารู้ดีว่า หากพูดโกหกวันนี้ ท่านพอใจข้าพเจ้า อีกไม่นาน อัลลอฮฺอาจจะทำให้ท่านโกรธฉันอีกที และถ้าฉันพูดจริงต่อท่าน ถึงท่านนบีจะไม่พอใจ แต่ข้าพเจ้าหวังในความอภัยโทษจากอัลลอฮฺ ขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่มีอุปสรรคใดๆ ที่จะไม่ออกไปสู้รบกับท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยแข็งแรง ไม่เคยมีสถานะดีกว่า ตอนที่ไม่ได้ออกไปสู้รบกับท่าน"
ท่านนบี : คนนี้พูดจริง จงลุกขึ้นไป จนกว่าอัลลอฮฺจะตัดสินต่อเจ้า
ท่านกะอบฺก็ได้เดินออกไป
ตระกูลของเขา (ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้เดินตาม) และถามท่านกะอบฺกว่า
"เราก็รู้ว่าท่านไม่เคยทำบาปขนาดนี้มาก่อน และท่านไม่สามารถที่จะอ้างเหมือนคนอื่นไม่ได้เหรอ เพียงพอแล้วที่ท่านนบีจะให้อภัย ขอดุอาอฺให้ ท่านก็รอดแล้ว"
ท่านกะอบฺลังเล จนเกือบจะกลับไปโกหกท่านนบี แต่ท่านถามญาติของท่านว่า
"มีใครที่ทำแบบฉันมั้ย"
ได้คำตอบว่า
"มีชายสองคนที่ทำแบบท่าน (พูดจริง) และนบีก็ตัดสินเหมือนกับท่าน ก็คือ มุรอเราะฮฺ และฮิลาล"
ท่านกะอบฺบอกว่า
"พวกเขาสองคนเป็นคนดี และเป็นสมาชิกสงครามบัดรฺด้วย ถ้าเป็นสองคนนี้พูดจริง ฉันจะยืนยันเหมือนสองคนนี้ (ไม่กลับไปพูดอะไรอีกแล้ว)"
ท่านก็กลับบ้าน
---
ท่านนบีบอยคอต
- ท่านนบีห้ามพูดคุย ห้ามรับสลาม สามคนนี้เด็ดขาด
- และชาวมะดีนะฮฺไม่มีใครฝ่าฝืนคำสั่งท่านนบี
- อยู่ในสภาพนี้ 50 วัน
- สองคนคือท่านมุรอเราะฮฺ และฮิลาล ทนไม่ไหว ที่จะออกไปแล้วเจอบรรยากาศการบอยคอต เลยพำนักที่บ้านและร้องไห้
- แต่ สำหรับฉัน(กะอบฺ) หนุ่มที่สุด และแข็งแกร่งที่สุด ฉันตั้งใจออก ไปละหมาดกับมุสลิมทั้งหลาย ไปตามพื้นที่ต่างๆ ไม่มีใครพูดกับฉันแม้แต่คำเดียว
- และฉันไปหาท่านนบีที่มัสยิด และให้สลาม ท่านนบีไม่ตอบรับ เพราะเป็นบัญชาจากอัลลอฮฺ
- ท่านพยายามขยับไปใกล้ท่านนบี และพยายามชะเง้อ แอบดูท่านนบี(ขณะละหมาด) ว่าถ้าฉันละหมาด ท่านนบีก็จะมอง แต่ท่านนบีก็ไม่มอง
- ท่านกะอบฺไปหาลูกพี่ลูกน้อง(ท่านอบูเกาะตาดะฮฺ)คนที่รักและสนิทมากที่สุด ท่านกะอบฺให้สลาม ขอสาบานด้วยพระองค์อัลลอฮฺ คนที่สนิทที่สุด เขาคนนั้นก็ยังไม่รับสลามฉันเลย
- ท่านกะอบฺ ได้ถามท่านอบูเกาะตาดะฮฺ ว่า "โอ้ อบูเกาะตาดะฮฺ ฉันขอถามด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ท่านทราบมั้ยว่าฉันรักอัลลอฮฺและเราะซูลมั้ย" เขาก็นิ่งไม่ตอบ ฉันก็ถามอีก เขาก็นิ่ง ไม่ตอบ ฉันขอด้วยความที่รักต่ออัลลอฮฺและเราะซูล ให้ตอบฉันหน่อย ท่านอบูเกาะตาดะฮฺ ตอบว่า "อัลลอฮฺและเราะซูล รู้ดียิ่ง"
- ตอนนั้น ฉันร้องไห้ น้ำตาไหล เพราะขนาดคนที่สนิทที่สุดยังไม่รู้
---
อีกบททดสอบหัวใจ
- ขณะเดินที่ตลาด มีชาวชามคนนึง(ชาวคริสต์) เอาอาหารจากเมืองชามมาขายมะดีนะฮฺ และถามหา ท่านกะอบฺ และให้จดหมายจากกษัตริย์ ที่อยู่ตอนเหนือของคาบสมุทรอาหรับที่รับใช้โรมัน กษัตริย์ได้ส่งจดหมายและบอกว่า "ข้า(กษัตริย์)ได้ข่าวว่า เพื่อนของท่าน(มุฮัมมัด) โกรธท่านแล้ว และท่านลำบากแล้ว มาหาเราดีกว่า ทิ้งศาสนาอิสลาม และเข้าคริสต์ และมารับใช้กษัตริย์ท่านจะได้สบาย
- ท่านกะอบฺคิดได้ว่านี่คือบททดสอบ ท่านจึงเอาจดหมายไปโยนใส่กองไฟ เผาทันที
---
ผ่านไปแล้ว 40 คืน
- ท่านนบีส่งตัวแทนให้ไปแจ้งว่า "ให้(ทั้งสามคน)แยกออกจากภรรยา และห้ามภรรยาแตะต้อง และให้ภรรยาไปอยู่บ้านพ่อแม่จนกว่า จะมีคำสั่งจากอัลลอฮฺ"
- ภรรยาของท่านฮิลาล(อายุมากแล้ว)ก็ไปหาท่านนบีบอกว่า "ฮิลาลเป็นคนอายุมากที่มองไม่ค่อยดี ทำกับข้าวไม่ค่อยดี ขออนุญาตให้อยู่ช่วยได้มั้ย"
- ท่านนบีตอบว่า "ได้ แต่ห้ามแตะต้อง(ฮิลาล)เลย"
- ภรรยา(ฮิลาล)ตอบว่า "ไม่มีความต้องการอะไรเลย เขาร้องไห้ตลอดเวลา"
- ท่านกะอบฺอยู่แบบนี้ ทั้งหมด 10 คืน ที่ไม่มีแม้แต่ภรรยา จนครบ 50 คืน ตั้งแต่ท่านนบีห้ามไม่ให้ใครยุ่ง ไปละหมาดฟัจญรฺ กลับมาก็ไปนั่งบนดาดฟ้าบนบ้าน ในสภาพที่แผ่นดินอันกว้าง แต่ทุกอย่างดูแคบ อึดอัดมาก
- ถึงเวลานั้น ได้ยินเสียงคนจากบนภูเขา ตะโกน "โอ้กะอบฺ จงทราบข่าวดีเถิด (ตอนนั้นยังไม่ทราบเลยว่าข่าวดีอะไร แต่ฉันสุญูดชุโกรขอบคุณ) และนบีได้ประกาศว่า อัลลอฮฺได้รับการเตาบัตว่าพระองค์ทรงให้อภัยโทษ 3 คนนี้แล้ว"
- มีคนได้ยินมาบอกฉันและไปบอกอีกสองคน และมีหลายคนที่มาทีหลังได้แจ้งข่าวดีกับฉัน
- ฉันก็เลยถอดเสื้อที่ฉันใส่ ให้คนแรกที่แจ้งเป็นฮดียะฮฺ(ของขวัญ) ซึ่งประเพณีอาหรับคือรางวัลใหญ่
- แล้วฉันไปขอยืมเสื้อ เพื่อไปหาท่านนบี
---
เข้าพบท่านนบีหลังจากได้รับการอภัย
- ท่านกะอบฺไปหาท่านนบีที่มัสยิด ได้พบกับคนที่มาแสดงความยินดี เป็นกลุ่มๆ ที่อัลลอฮฺให้อภัย
- สังคมของคนที่มีคนรู้คุณค่าของความดี คือสังคมที่น่าอยู่
- เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นคนดี แล้วมีคนยินดี คือสังคมที่น่าอยู่
- ขอแสดงความยินดี การที่อัลลอฮฺได้รับการกลับตัวของท่าน
- ท่านดีใจที่มีคนแสดงความยินดี แต่ท่านกะอบฺรอคอยเพียงคนเดียว
- ท่านนบีนั่ง และมีคนล้อมท่าน ชาวมุฮายิรีนคนนึง(ฏ็อลฮะฮฺ)วิ่งไปสลามและแสดงความยินดี
---
ข่าวดีที่สุดตั้งแต่เกิดมาจากมดลูกมารดา
- ฉันได้เข้าไปหาท่านและให้สลามท่าน เห็นใบหน้าของท่านสว่างสไวด้วยความดีใจ
- ท่านนบีบอกว่า "ท่านพึงทราบข่าวดีที่สุด ตั้งแต่ท่านเกิดมาจากมดลูกของมารดา ไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากกว่าวันนี้"
- ท่านกะอบฺถามว่า "โอ้ท่านนบี ข่าวดีที่สุดตั้งแต่เกิดจากมดลูกของมารดา ข่าวดีนี้ จากท่านหรือจากอัลลอฮฺ"
- ท่านนบีตอบว่า "เป็นข่าวดีจากอัลลอฮฺ"
- หากท่านนบีดีใจ ใบหน้าท่านนบีจะสว่างไสวเหมือนดวงจันทร์เต็มดวง
- ท่านกะอบฺกล่าวว่า " โอ้ท่านนบี การที่ฉันกลับตัว ฉันจะถอดถอนทรัพย์สินทั้งหมดยกให้อัลลอฮฺและเราะซูล โดยเก็บบางส่วนจากทรัพย์เชลยในสงครามคอยบัรฺ แท้จริงอัลลอฮฺได้ช่วยเหลือฉันด้วยความสัจจริง ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า ต่อไปนี้จะไม่โกหกตลอดชีวิต ไม่มีใครถูกทดสอบในเรื่องพูดจริงนอกจากฉัน และข้าพเจ้าจะช่วยให้ฉันรักษาสัญญานี้ ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่อัลลอฮฺช่วยให้ข้าพเจ้าทำดี อันดับหนึ่งคืออิสลาม และอันดับ2คือพูดความจริงกับท่านนบี ถ้าฉันโกหกวันนั้น ฉันก็ไม่รอดแล้ว ในกุรอานอัลลอฮฺได้ตำหนิคนที่โกหก และวันนั้นหากฉันโกหก ฉันจะถูกตำหนิเหมือนพวกมุนาฟิกตลอดกาล เราเนี่ยได้ถูกประวิงเวลาให้รอบัญชาจากอัลลอฮฺ"
---
บาปที่น่าอัศจรรย์
- เพราะบาปหรือความผิดที่ท่านกะอบฺได้ทำคือ บาปที่เตาบัต กลับเนื้อกลับตัว
- และเป็นบาปที่ถูกกล่าวในกุรอาน ได้เป็นแบบอย่างให้คนได้อ่าน พูดถึงและทบทวน
---
ในซูเราะฮฺนี้ เป็นระเบียบของพลเมืองในรัฐอิสลาม
ต้องตรง และให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ส่วนรวม ที่ต้องเข้มงวด
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่บิดพริ้วคำสั่งท่านนบี
---
และนี่คือการกลับตัว และการที่อัลลอฮฺทรงรับการกลับตัว
อุลามาอฺ(ผู้รู้)จึงบอกว่า
"ไม่มีใครกลับเนื้อกลับตัวได้ นอกจากอัลลอฮฺให้แรงบันดาลใจ แต่พระองค์จะให้แรงบันดาลใจ กับคนที่มีความสัจจริงต่อพระองค์"
---
เริ่มที่มีความจริง พูดจริงต่ออัลลอฮฺ แล้วพระองค์จะยื่นหัวใจแห่งการกลับตัวมาให้เรา
- Printer-friendly version
- Log in to post comments
- 158 views