ชีวประวัติของท่านซัลมาน อัลฟาริซียฺ

Submitted by dp6admin on Tue, 07/04/2009 - 18:24

ซัลมาน อัลฟาริซียฺ เป็นเศาะฮาบะฮฺท่านหนึ่ง เข้ารับอิสลามหลังจากที่ท่านนะบีอพยพจากมักกะฮฺไปมะดีนะฮฺ และใช้ชีวิตยืนยาวจนถึงยุคหลังท่านอะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ เหตุการณ์ที่ทำให้ท่านรับอิสลามแปลกมาก

เดิมท่านซัลมานเกิดที่เมืองฟาริซ (อัลฟาริซียฺ มาจาก ฟาริซ - เปอร์เชีย) บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน และเป็นผู้รักษาไฟที่อยู่ในโบสถ์ไฟ ท่านอยู่ในวงตระกูลที่มีหน้าที่รักษาไฟที่ใช้บูชาของพวกเปอร์เชีย พ่อสั่งว่าอย่าให้ไฟดับเด็ดขาด ซัลมานในช่วงที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ มีหน้าที่เข้าโบสถ์และจุดไฟให้ลุกอยู่ตลอด จนมีช่วงหนึ่งขณะที่กำลังไปโบสถ์ไฟ ผ่านไปพบชาวคริสต์กำลังอ่านโองการของอัลลอฮฺอยู่ที่บ้าน ซัลมานฟังและคิดว่าศาสนาบูชาไฟไม่น่าจะเป็นศาสนาที่เที่ยงธรรม ท่านจึงไปหาชาวคริสต์เพื่อศึกษากับเขา ไม่เข้าโบสถ์ เมื่อพ่อสืบรู้จึงจับขังมัดไว้ในบ้าน ซัลมานจึงถูกตัดขาดจากพวกคริสต์

 

จนกระทั่งมีคนมาหาบอกว่ามีคาราวานจะเดินทางไปเมืองชาม ซึ่งมีชาวคริสต์มากมายที่รู้ศาสนาที่แท้จริง ซัลมานบอกว่าเมื่อจะไปแล้วบอกฉันด้วย เขาหาทุกวิถีทางเพื่อหนีจากพ่อของเขาไปกับคาราวานยังเมืองชาม ไปเข้าโบสถ์เห็นบาทหลวงหัวหน้าโบสถ์นั้นเป็นคนโกงชาวบ้าน เรียกร้องให้บริจาคเข้าโบสถ์เพื่อพระผู้เป็นเจ้า เมื่อซัลมานเข้าโบสถ์ไปเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของบาทหลวงนี้ พบว่าเงินที่เรียกร้องบริจาคบาทหลวงไปเก็บอยู่ในห้องของเขาเป็นของส่วนตัว ซัลมานจึงทิ้งบาทหลวงคนนี้ไปหาและศึกษากับบาทหลวงอีกคนหนึ่ง ปรากฏว่าขี้โกงเหมือนกัน หาไปหลายเมืองหลายประเทศ

 

จนกระทั่งไปหาบาทหลวงคนหนึ่งเป็นคนที่มีศาสนา ไม่สนใจเรื่องดุนยา ทำอิบาดะฮฺตลอดเวลา ซัลมานศึกษาจากบาทหลวงคนนี้ เขาบอกว่าเราอยู่ในยุคสุดท้ายที่ต้องมีนะบีมาปรากฏในยุคนี้แล้ว ท่านจงคอยระวังเฝ้าดู ปรากฏว่าก่อนที่บาทหลวงคนนี้จะตาย ซัลมานถามว่า หลังจากที่ท่านเสียชีวิตแล้วข้าจะไปหาใคร? เขาตอบว่า มีคนที่ยังยึดในศาสนาคริสต์ที่แท้จริง มีเหลืออยู่คนเดียว ต้องเดินทางเป็นพันกิโล ก็เดินทางไปแล้วบอกว่าบาทหลวงคนนั้นแนะนำให้ฉันมาเป็นลูกศิษย์ท่าน เขาก็รู้ว่าเพื่อนซัลมานอยู่กับบาทหลวงคนนี้จนจะเสียชีวิต บอกให้เดินทางไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง มีบาทหลวงอีกคนที่มีสัจธรรม ระหว่างเดินทางไปมีคนมาปล้นคาราวาน และยึดคนในกองคาราวานมาเป็นเชลยศึกไปขายตลาดทาส ซัลมานถูกยึดและถูกขายเป็นทาสในตลาด นักประวัติศาสตร์หลายท่านที่เล่าเรื่องซัลมาน อัลฟาริซียฺ จะตั้งหัวข้อว่า บุคคลที่แสวงหาสัจธรรม เพราะซัลมานมีอายุมากกว่าร้อยปี แต่ใช้อายุไม่ต่ำกว่า 80 ปีในการแสวงหาสัจธรรมที่เที่ยงธรรม

 

เมื่อซัลมานตกเป็นทาส จากเมืองฟาริซที่บูชาไฟ ไปสู่เมืองชามที่มีศาสนาคริสต์ที่ถูกบิดเบือนบ้าง ไม่บิดเบือนบ้าง และสุดท้ายถูกขายแก่ชาวยิวที่เมืองมะดีนะฮฺ เป็นทาสทำงาน ทำนา รักษาดูแลต้นอินทผลัม ซัลมานเคยศึกษาโองการที่ไม่ถูกบิดเบือนในอัลอินญีลว่า นะบีท่านสุดท้ายจะปรากฏตัวในเมืองที่มีภูเขาดำ เมื่อซัลมานไปอยู่เมืองมะดีนะฮฺ(เมืองมะดีนะฮฺมีภูเขาเป็นสีดำ) ท่านได้ยินว่ามีคนอ้างตัวว่าเป็นนะบีอยู่ที่มักกะฮฺ แต่ซัลมานไม่สามารถดิ้นรนไปหาได้ เพราะเป็นทาสอยู่ ก็ต้องอยู่ที่เมืองมะดีนะฮฺ

 

มีครั้งหนึ่ง ซัลมานขึ้นไปเด็ดอินทผลัมต้นสูง ได้ยินชาวมะดีนะฮฺตะโกนลั่นว่า มาแล้ว มุฮัมมัดมาแล้ว ซัลมานขาอ่อน แทบจะตกจากต้นอินทผลัม เมื่อลงมาแล้ว นายบอกว่าไปไม่ได้เพราะงานยังไม่เสร็จ แต่ซัลมานบอก วันนี้ฉันมีภารกิจต้องทำ ซัลมานนำอินทผลัมจำนวนหนึ่งไปหาท่านนะบีมุฮัมมัด พบท่านนะบีอยู่กับเศาะฮาบะฮฺ ซัลมาน(ตอนนั้นยังไม่ได้เข้ารับอิสลาม) นำอินทผลัมไปให้ท่านนะบี บอกว่า โอ้มุฮัมมัด นี่อินทผลัมฉันมาให้เศาะดาเกาะฮฺ บริจาคเป็นทานให้ท่านและสาวกของท่าน ท่านนะบีก็รับอินทผลัมแล้วให้เศาะฮาบะฮฺกินกัน แต่ท่านนะบีไม่กิน ซัลมานก็รอว่าท่านนะบีจะกินสักนิดนึง แต่ท่านไม่ยอมกิน ซัลมานก็บอกว่า หนึ่ง

 

อีกวันหนึ่ง ซัลมานนำอินทผลัมอีกจำนวนหนึ่งมาให้ท่านนะบี บอกว่า โอ้มุฮัมมัด นี่เป็นอินทผลัมที่ฉันให้เป็นฮะดียะฮฺ (ของขวัญ) แก่ท่านและสาวกของท่าน ท่านนะบีตั้งอินทผลัมแล้วเชิญชวนเศาะฮาบะฮฺ โดยที่ท่านนะบีกินด้วย ซัลมานพอเห็นท่านนะบีกินก็บอกว่า สอง

 

วันที่สาม ซัลมานมาเฝ้าดูท่านนะบีทั้งวัน แต่ยืนดูเบื้องหลังของท่านนะบี อย่างท่านนะบีรู้ว่าซัลมานต้องการอะไร เพราะท่านเป็นนะบี ท่านจึงถอดเสื้อส่วนหนึ่งให้ไหล่ข้างขวาของท่านโผล่ คอตะมันนุบูวะ(คือสัญลักษณ์แห่งความเป็นนะบี เหมือนฝ้าสีคล้ำ ๆ เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกบันทึกในอินญีล เตารอต ทุกคัมภีร์ระบุว่ามีสัญลักษณ์ของนะบีแบบนี้) เมื่อซัลมานเห็นดังนั้นจึงวิ่งไปกอดท่านนะบี ซัลมานใช้เวลา 80 ปีหรือมากกว่านั้นในการแสวงหาสัจธรรม ในการที่จะพบท่านนะบี

 

ลองคาดดูว่าความดีใจของซัลมานจะมีขนาดไหน ความภูมิใจในผลงานการขยันที่จะหาความจริงให้ได้ แน่นอนว่าคนที่ตั้งใจแสวงหาสัจธรรมต้องเจริญ คนที่มีเจตนารมณ์ในการพบกับความจริงต้องบรรลุ แต่คนที่ในใจของเขาเฉย ๆ จะได้หรือไม่ได้ จะพบหรือไม่พบ จะบรรลุหรือไม่ เขาไม่สน คนเหล่านี้คงไม่สำเร็จ แต่แน่นอนคนที่มีโอกาสบรรลุสัจธรรมต้องมีความตั้งใจ อัลลอฮฺตรัสไว้ในอัลกุรอาน

 

وَالَّذِينَ اهْتَدَوْا زَادَهُمْ هُدًى وَآتَاهُمْ تَقْوَاهُمْ

ส่วนผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พระองค์จะทรงเพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา

และจะทรงประทานให้แก่พวกเขาซึ่งการยำเกรง (ตักวา) [มุฮัมมัด 47:17]

 

มีตัวอย่างมากมายสำหรับคนที่เคยหลงผิด ไม่ว่าจะเป็นคนพุทธ คนบิดอะห์ แปลกว่าเกือบทุกคนจะบอกว่าตอนเขาขอดุอาอฺ บางครั้งเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหน เป็นยังไง แต่เขาบอกว่า ขออย่าให้ฉันหลงทาง ขอให้ฉันบรรลุความถูกต้องให้ได้ นี่คือคนที่ผูกพันกับผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอานุภาพ ผู้ทรงเดชานุภาพ รู้ว่าโลกใบนี้มีผู้ทรงบริหาร โลกนี้มีพระเจ้าคือ อัลลอฮฺ คนที่ผูกพันกับพระเจ้าอย่างนี้ บางครั้งไม่ได้ศึกษาอะไรเลย แต่ถ้าขอ โอ้อัลลอฮฺ ฉันไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา แต่อย่าให้ฉันหลงผิด การขอดุอาอฺเช่นนี้ที่ซัลมานได้ขอดุอาอฺมาตลอด ไปตกอยู่กับบาทหลวงที่มั่ว บิดเบือน แต่สุดท้ายมาเจอท่านนะบีที่เมืองมะดีนะฮฺ รับอิสลามต่อท่านนะบี

 

นี่เป็นตัวอย่างว่า โลกนี้อยู่ในความมืด ความหลงผิด ความโง่เขลา จนมีพระเมตตาจากอัลลอฮฺ โดยปรากฏจากท่านนะบีมุฮัมมัด ไม่ได้เกิดที่อินเดีย ไม่ได้เกิดที่จีน แต่เกิดที่ทะเลทราย กับอาหรับเร่ร่อนที่ไม่เจริญ อาหรับที่ไม่มีมารยาท ไม่มีจริยธรรม ไม่มีวัฒนธรรม เพื่อให้มนุษยชาติรู้ว่ามุฮัมมัดที่เกิดในทะเลทรายมาจากธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงสร้างไว้ ก็จะบริสุทธิ์ ใสสะอาด เหมือนทรายของทะเลทราย มาด้วยความชัดเจนเหมือนดวงอาทิตย์ที่จะเห็นปรากฏตอนกลางวัน ณ ทะเลทราย นั่นคือพระเมตตาของอัลลอฮฺที่ทรงประทานให้แก่ประชาคมโลกในยุคมืด มุฮัมมัดปรากฏในยุคนี้เพื่อจะให้ความมืดที่มีอยู่ในโลกนี้ ความชั่ว ความลามก ความผิด ให้สิ้นสุดไป เพื่ออีหม่าน เพื่อความจริง เพื่อจริยธรรมอันสวยงาม เพื่อความสวยงาม ความสง่างามทุกชนิดมาปรากฏแทนในโลกใบนี้

 

 

 


เรียบเรียงจากการบรรยายของ เชคริฎอ อะหมัด สมะดี,2547-02-06 ชีวประวัติท่านนบีมุฮัมมัด 02 (ทับช้าง)

วันที่ลงบทความ : 26 มี.ค. 51

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ซัลมาน อัลฟาริซียฺ