ความพอใจนำมาซึ่งความสุข

Submitted by admin on Thu, 21/12/2017 - 14:06

 
เจ้าเมืองคนหนึ่ง ได้ออกไปเที่ยวตากอากาศ ในขณะเดินทางเข้าไปในทุ่งนา ได้พบชายคนหนึ่งกำลังไถนาอย่างขะมักเขม้น ด้วยใบหน้าอันเบิกบาน ปากก็ครวญเพลง มือก็ทำงาน เจ้าเมืองเห็นก็นึกแปลกใจว่า เหตุไฉนชายคนนี้จึงพอใจในงานหนักถึงเพียงนั้น จึงแวะเข้าไปถามว่า

“ท่านผู้มีเกียรติ ! ฉันเห็นท่านพยายามสละกำลังทั้งหมดให้แก่งานที่ท่านกำลังทำอยู่ด้วยความพออกพอใจ นี่เป็นพื้นที่ของท่านเองหรือ ?”

ชายคนนั้นตอบว่า “เปล่า ข้าพเจ้ารับจ้างเขาทำ เพราะข้าพเจ้าเป็นชาวนาที่ยากจนคนหนึ่ง”

เจ้าเมืองถามต่อไปว่า “ท่านได้ค่าจ้างเท่าไร ?”
ชายคนนั้นตอบว่า “ได้ค่าจ้างวันละ 10 กุรุช”

เจ้าเมืองก็ถามต่อไปว่า “รายได้เท่านี้จะพอใช้จ่ายหรือ ?”
ชาวนาตอบว่า “พอใช้จ่ายในการครองชีพ และยังมีเหลือใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นอื่น ๆ อีก”

เจ้าเมืองชักสงสัยในคำตอบนั้น จึงขอร้องให้ชาวนาผู้นั้นชี้แจงรายการใช้จ่ายประจำวันให้ฟัง

ชายนั้นชี้แจงให้ฟังว่า

1. ใช้หนี้เก่า 2 กุรุช
2. ค่าครองชีพ 4 กุรุช
3. ให้ยืม 2 กุรุช
4. ใช้จ่ายในทางของอัลลอฮฺ 2 กุรุช

หนี้เก่า คือ ที่บ้านข้าพเจ้าเวลานี้มีคนแก่อยู่ 2 คน ก่อนนี้เขาเคยอุปการะเลี้ยงดูข้าพเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนคุ้มใหญ่ แต่เวลานี้เขาชราภาพลงไปมากแล้ว ไม่สามารถที่จะประกอบการงานใด ๆ ได้ต่อไปอีก คนทั้งสองนั้นคือ บิดามารดาของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ข้าพเจ้าจะต้องเลี้ยงดูท่าน

ค่าครองชีพ คือ ค่าเครื่องบริโภคและอุปโภคสำหรับตัวข้าพเจ้ากับภรรยา

ให้ยืม ในบ้านข้าพเจ้ายังมีคนอีก 2-3 คนอยู่ในวัยเล็กมาก ไม่สามารถจะประกอบการงานได้ จึงต้องตกเป็นภาระของข้าพเจ้าในอันที่ต้องอุปถัมภ์ค้ำชูเขาต่อไป จนกว่าเขาจะเติบใหญ่สามารถประกอบการงานได้ ประจวบกับขณะนั้น ข้าพเจ้ากับภรรยาก็จะแก่เฒ่าลง ประกอบการงานไม่ไหว เขาเหล่านั้นก็จะได้เลี้ยงดูเราต่อไป เด็ก ๆ เหล่านั้นคือบุตรของข้าพเจ้าเอง

จ่ายไปในทางของอัลลอฮฺ นั้นคือ ในบ้านของข้าพเจ้านอกจากบิดามารดาและบุตรภรรยาแล้ว ยังมีอีก 2 คนซึ่งมีอายุมากแล้ว ร่างกายก็อ่อนแอไม่สามารถจะประกอบการงานได้ ซึ่งตกเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะต้องเลี้ยงดูตลอดไป ทั้งสองนั้นคือ พี่สาวของข้าพเจ้า
เจ้าเมืองได้ฟังแล้วพอใจมาก จึงประทานรางวัลให้ 50 กุรุช


ระยะเวลาที่มนุษย์เราจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมากก็เพียง 80 ปี เวลาที่จะประกอบการงานได้เป็นอย่างดีที่สุดก็คงไม่เกิน 30-40 ปี ในระยะนี้นับเป็นนาทีทองทั้งนั้น มนุษย์ทุกคนจึงไม่ควรปล่อยให้ชีวิตในระหว่างนี้บินหนีไปโดยปราศจากสิ่งตอบแทน ควรพยายามก้าวหน้าต่อไป แต่การก้าวหน้าต้องพยายามใช้ความระมัดระวัง ความรอบคอบให้มาก พร้อมทั้งต้องประมาณตนให้ดี ถ้าก้าวไปโดยเลินเล่อหรือขาดการประมาณตน อาจจะต้องพบกับความพลาดพลั้งเข้าได้ เมื่อเห็นว่าเรายังมีกำลังไม่เพียงพอที่จะก้าวต่อไป ก็ควรจะหยุดยั้งรอโอกาสต่อไปจะดีกว่า
อนึ่ง ทรัพย์สินที่เราได้มา ถ้าเรารู้จักกระเหม็ดกระแหม่ใช้จ่ายแต่เฉพาะที่จำเป็น ก็ย่อมจะอำนวยประโยชน์ให้อย่างใหญ่หลวง

ที่มา : หนังสือมิตราจารย์, ม.ซอลิฮีย์ (ร่อหิมะฮุลลอฮฺ)