ต้องเข้าใจนะว่า วัฒนธรรมอิสลามเนี่ยเรื่องการยืมนี่ก็คือช่วย
การให้ยืมนี่มันเป็นครึ่งหนึ่งของการบริจาค ฉะนั้นท่านนบีบอกว่า คนที่ให้ยืมเงินก้อนหนึ่ง เขาได้ผลบุญบริจาค ครึ่งหนึ่งของเงินยืม ให้เขายืมไปพันนึง เท่ากับเราบริจาคไป 500  เรียบร้อยแล้ว
แสดงว่าการให้ยืมเนี่ยมันเป็นการทำบุญ
ทวงได้ไหม ? ได้ 
เมื่อไหร่จะคืน ? พรุ่งนี้
เอ้าได้ มาพรุ่งนี้
คือถ้าเราไม่เดือดร้อน เอ้าเดี๋ยวอาทิตย์หน้า ไม่เป็นไร ถ้าเราไม่เดือดร้อนอ่ะนะ ก็ปล่อยไป กุรอานก็ส่งเสริมด้วยนะเรื่องนี้ ถ้าเป็นเงินของเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้ไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้อะไรอ่ะนะ
เราก็อย่าไปอย่าไปวิ่งเต้น วิ่งเต้นตามเขา 
ทำไมอ่ะ เพราะมันจะ มันจะติดนิสัยสะสม(ทรัพย์สิน) ถ้าเรามั่งคั่ง ถ้าเราไม่เดือดร้อนน่ะ 
อย่างที่บอกนะ แต่ถ้าเราเดือดร้อน ก็ว่ากันอีกทีนึง ถ้าเราต้องการเงินจริงๆ แล้วเขาเอาเงินของเรา ยืมเงินของเรา แล้วก็ลังเลอยู่นั้นน่ะ (ไม่คืน) อันนั้นน่ะเอาเรื่องกับเขาได้
แต่ถ้าหากเราไม่เดือดร้อนนะ ก็อย่าไปเอาเรื่องกับลูกหนี้
ทำไมอ่ะ เพราะเกรงว่ามันจะติดนิสัยคนชอบสะสมเงิน คนที่มีนิสัยสะสมเงินเนี่ยนะ มักจะมีนิสัย มีความสุขในการทวงหนี้ ไหนอ่ะ เอามาสิ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้เดือดร้อน บางทีเขายืมไปพันสองพัน แต่ตัวเองมี 2 พันล้านอย่างเงี้ย ก็ไปทวง สองพันนะ
วัฒนธรรมอิสลาม ให้ผ่อนปรน ให้ให้อภัย
มีคนรวยคนหนึ่ง ก็ไม่ได้ทำความดี ละหมาดอะไร บาปก็ทำไว้เยอะ พอวันกิยามะฮฺนี่ อัลลอฮฺให้อภัย
นี่หะดีษนบีนะ อัลลอฮฺให้อภัย ให้อภัยหมดเลย
เพราะอะไร ? เค้าบอกว่า เป็นเจ้าหนี้คนหลายคน แล้วเวลาลูกน้องเขาเนี่ยเขาไปทวงหนี้ เขาบอกว่าถ้าใครเดือดร้อนก็ไม่ต้อง.. ก็ให้อภัยก็ไม่ต้องเอา ยกหนี้ให้เขา แสดงว่าเขาไม่มีนิสัยสะสมเงิน ไม่มีนิสัย วิ่งหา ตามเงินทอง

จาก "#ตัฟซีรซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ 25 (อายะฮฺ 34) https://www.islaminthailand.org/dp8/node/7541