รายงานการสัมมนาที่เมืองการาจี

Submitted by dp6admin on Wed, 08/04/2009 - 12:08

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 51 ผม (ริฎอ อะหมัด สมะดี) ได้รับจดหมายจากคุณจุมพล มนัสช่วง กงสุลใหญ่ เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เชิญร่วมสัมมนาเชิงวิชาการให้แก่นักเรียนและนักศึกษามุสลิมไทยที่ศึกษาตามสถาบันต่างๆ ในเมืองการาจี ผมได้เดินทางเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันพุธที่ 30 เมษายน  และถึงเมืองการาจีเวลา 23.30 น. ซึ่งมีรองกงสุลฯ คือคุณหาลิม แวนะไล และเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลฯอีกท่านหนึ่งมาต้อนรับและกรุณานำไปส่งถึงโรงแรม Beach Luxury

โปรแกรมสัมมนาเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 1 พ.ค. โดยบรรยายในหัวข้อ "อิสลามกับบทบาทของมุสลิมในสังคม" ซึ่งมีผู้ร่วมบรรยายให้ความรู้กับนักศึกษาคือ ดร.ยูโซะ ตาเละ , คุณประเสริฐ แก้วเพ็ชร (รอง ผอ.ศอ.บต. ฝ่ายการศึกษา), คุณจุมพล มนัสช่วง (กงสุลใหญ่ฯ), อาจารย์อับดุลเล๊าะ หะยียามา, และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ โดยมีคุณหาลิม (รองกงสุลฯ) เป็นผู้ดำเนินการสัมมนาในครั้งนี้ , ส่วนผมได้บรรยายเกี่ยวกับประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศ ความสำคัญของภาษา อันเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเพื่อศาสนาและสังคม และหน้าที่ของนักศึกษาในการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เป็นบุคคลที่มีบทบาทและเป็นที่พึ่งของสังคม นักศึกษาที่ร่วมฟังการบรรยายและซักถามปัญหามีจำนวน 90 กว่าท่าน โดยมีคุณลือชา ตรังพิสูตร (นายกสมาคมนักศึกษาไทยในการาจี) เป็นผู้ประสานระหว่างนักศึกษาและเจ้าหน้าที่กงสุลฯ

ผมรับทราบจากคุณหาลิมว่า กงสุลฯ ได้จัดสัมมนาเยี่ยงนี้มาแล้วสองครั้ง ครั้งแรก อาจารย์วิทยา วิเศษรัตน์ เป็นฝ่ายวิชาการให้ความรู้กับนักศึกษา, ครั้งที่สองมี อาจารย์จรัญ มะลูลีม และ ดร.อณัส อมาตยากุล เป็นผู้บรรยายด้านวิชาการ และครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ซึ่งทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางกงสุล, ท่าน ผอ.ศอ.บต. , เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ, นักศึกษามุสลิมไทยในการาจี ก็เห็นพ้องกันว่าการสัมมนาครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสำคัญในการสร้างความเข้าใจอันดี และรับรู้ปัญหาของนักศึกษาที่ต้องการการชี้แจงจากฝ่ายวิชาการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศ

ผมได้ฟังคำถามของนักศึกษาและตอบปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษา อุดมการณ์ และสถานการณ์บ้านเมือง และช่วงพักระหว่างการสัมมนาก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาเป็นส่วนตัวซึ่งเป็นกันเองมากกว่า ได้สัมผัสกับความรู้สึกและสภาพของนักศึกษามุสลิมไทยเรา และสิ่งเด่นชัดที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนในการสัมมนาครั้งนี้คือ นักศึกษามุสลิมไทยนั้นมีความหวงแหนต่ออิสลามและสังคมมุสลิม มีความรักต่อแผ่นดินและประเทศชาติ มีความเป็นห่วงต่ออนาคตของพวกเขาในประเทศไทย

ในวันศุกร์ที่ 2 พ.ค. ท่านรองกงสุลฯ (คุณหาลิม แวนะไล), คุณลือชา (นายกสมาคมนักศึกษาไทยในการาจี) และนักศึกษาอีกหลายท่านได้พาผมไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยอบูบักร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ผมได้พบกับอธิการบดีและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯหลายท่าน และได้มีโอกาสปราศรัย(คุฏบะฮฺญุมุอะฮฺ)เป็นภาษาอาหรับ ภายหลังจากนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษามุสลิมไทยในมหาวิทยาลัยอบูบักรพอสมควร และคืนนั้นเวลา 21.00 น. ท่านกงสุลใหญ่ฯ ได้เชิญผมรับประทานอาหารที่บ้านท่าน ซึ่งภริยาของท่านมีบทบาทสูงในการจัดสัมมนาครั้งนี้และได้แสดงความชื่นชมฝ่ายวิชาการและนักศึกษาในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ซึ่งทางท่านกงสุลใหญ่ฯและภริยา ก็ได้เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้ผู้ร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ อันเป็นนโยบายที่น่าชื่นชมสำหรับการทูตในเมืองการาจี

 

เวลา 22.00 น. คุณหาลิมและนักศึกษาหลายท่านได้กรุณาส่งผมถึงสนามบิน และคุณหาลิมได้อำนวยความสะดวกทุกขั้นตอนและส่งผมจนถึงประตูเครื่องบิน ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณท่านกงสุลใหญ่ฯ และภริยา, รองกงสุลฯ และภริยา, เจ้าหน้าที่ในหน่วยต่างๆที่มีส่วนร่วมในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ตลอดจนสมาคมนักศึกษาไทยในเมืองการาจี ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผมหลายประการทีเดียว ขออัลลอฮฺตอบแทนพวกท่านทั้งหลายในสิ่งที่ดีที่พวกท่านได้กระทำไว้ และในฐานะที่เป็นนักวิชาการอิสระและเป็นประธานกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ผมเรียกร้องให้หน่วยราชการต่างๆ ได้ปฏิบัตินโยบายดังเช่นที่กงสุลใหญ่เมืองการาจีปฏิบัติไว้ในการสัมมนาครั้งนี้ กล่าวคือ เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นกับฝ่ายเจ้าหน้าที่เพื่อสมัครสมานและสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน นโยบายเยี่ยงนี้ย่อมเป็นหนทางสู่ความสามัคคีและความปรองดองในประเทศชาติ

  

หนังสือขอบคุณจากสถานกงสุลใหญ่ เมิองการาจี

 


 วันที่ลงบทความ : 5 พ.ค. 51