อะบูฮุรอยเราะฮฺ : สมุดบันทึกในสมัยอัลวะฮฺยฺ 4

Submitted by dp6admin on Fri, 21/12/2018 - 20:50

 เมื่อเขาได้เข้ารับนับถืออิสลามปัญหาชีวิตที่ทำความหนักอกหนักใจให้แก่เขามากที่สุดจนกระทั่งทำให้เขานอนไม่หลับ ปัญหาที่สำคัญนั้นก็คือมารดาของเขาไม่ยอมเข้ารับนับถืออิสลาม มิใช่แต่เพียงเท่านั้นนางยังได้กล่าวถากถางท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไปในทางที่ไม่ดี ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้อะบูฮุรอยเราะฮฺโกรธและไม่พอใจ

ครั้งหนึ่งนางได้กล่าวตำหนิท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในสิ่งที่อะบูฮุรอยเราะฮฺไม่ชอบที่จะรับฟัง เขาจึงร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นออกจากปากมารดาของเขา แล้วเขาก็ไปหาท่าน ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรามาฟังอะบูฮุรอยเราะฮฺเล่าเรื่องของเขาให้ฟังว่า
"แล้วฉันก็ได้ร้องไห้มาหาท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันกล่าวกับท่านว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันได้เรียกร้องเชิญชวนมารดาของฉันให้เข้ารับนับถืออิสลาม แต่นางปฏิเสธที่จะตอบรับคำเชิญชวนของฉัน มาวันนี้ฉันได้เรียกร้องนางอีก นางก็ได้กล่าวถ้อยคำเกี่ยวกับท่านในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะรับฟัง ขอได้โปรดท่านขอพรต่ออัลลอฮฺให้ชี้นแนะทางไปสู่อิสลามให้แก่มารดาของอะบูฮุรอยเราะฮฺด้วยเถิด
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ก็ได้กล่าวขอพรว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉัน! ขอได้โปรดชี้แนะทางไปสู่อิสลามให้แก่มารดาของอะบูฮุรอยเราะฮฺด้วย
 
ฉันได้วิ่งออกมาหามารดาของฉันเพื่อแจ้งข่าวดีตามที่ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ขอพรให้ฉันเมื่อฉันมาถึงประตูบ้าน เห็นประตูปิดและฉันได้ยินเสียงรดน้ำในห้องน้ำ และนางได้เรียกฉันให้อยู่นอกบ้านไปก่อน เมื่อนางแต่งตัวเสร็จแล้วออกมานอกบ้าน แล้วนางก็กล่าวคำชะฮาดะฮฺทั้งสอง ฉันได้รีบกลับมาหาท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อีกคำรบหนึ่ง ร้องไห้ด้วยความดีใจเช่นเดียวกับที่ฉันได้ร้อง ไห้ด้วยความเสียใจในครั้งแรก แล้วฉันได้กล่าวกับท่าน ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันขอแสดงความดีใจ ด้วย แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลาทรงตอบรับการขอพรของท่านแล้ว อัลลอฮฺตะอาลาทรงชี้แนะทางไปสู่อิสลามให้ แก่มารดาของ อะบูฮุรอยเราะฮฺแล้ว
 
แล้วฉันก็กล่าวต่อไปว่า ً"โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ขอได้โปรดขอพรให้ฉันและมารดาของฉันเป็นที่รักแก่บรรดามุอฺมิน ทั้งชายและหญิงด้วย ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้กล่าวขึ้นว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉัน! ขอได้โปรดให้บ่าวผู้น้อยของพระองค์ผู้นี้และมารดาของเขาเป็น ที่รักแก่มุอฺมินชายและมุอฺมินหญิงทุกคนด้วยเทอญ"
 
อะบูฮุรอยเราะฮฺมีชีวิตอยู่ต่อมาเป็นผู้เคร่งครัดและต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ ทุกครั้งที่มีการสู้รบกับศัตรูของอิสลามอะบูฮุรอยเราะฮฺจะต้องเข้าร่วมและอยู่แนวหน้า ในสมัยของค่อลีฟะฮฺ "อุมัร อิบนฺ อัลค๊อฏฏ๊อบ" ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านได้แต่งตั้งเขาเป็นผู้ว่าราชการ ณ แคว้นอัลบะหฺเรน เป็นที่ทราบกันดีว่า อุมัรนั้นเป็นผู้เข้มงวดกวดขันกับผู้ที่เขาแต่งตั้งไปประจำในแคว้นต่างๆ เมื่อเขาแต่งตั้งผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ เขาผู้นั้นจะต้องแสดงทรัพย์สินที่มีอยู่ เมื่อออกจากตำแหน่งก็จะต้องอยู่สภาพเช่นเดียวกัน มิใช่เข้าไปกอบโกยดังเช่นได้มีการถือปฏิบัติกันใน สมัยปัจจุบัน
 
 ถ้าเขาออกจากตำแหน่งและเป็นที่ปรากฏว่าได้เกิดการร่ำรวยขึ้นมา เขาก็จะไม่พ้นจากการถูกสอบสวนของอุมัร ถึงแม้ว่าแหล่งที่มาแห่งความร่ำรวยของเขานั้นจะเป็นที่อนุมัติหรือถูกต้องก็ตาม อีกโลกหนึ่งต่างหากมันเป็นโลกของอุมัรที่ตั้งอยู่บนความสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ประสงค์จะเอาสิ่งที่เป็นที่เคลือบแฝงคุลมเครือเข้ามาปะปนกับความบริสุทธิ์ใจของนักปกครอง 
 
เมื่อครั้งที่อุมัรได้แต่งตั้งให้อะบูฮุรอยเราะฮฺ ปกครองแคว้นบาหฺเรน เขาได้เก็บเล็กผสมน้อยจากเงินเดือนที่เขาได้รับมา แต่ทำให้เขามีสภาพดีขึ้นกว่าแต่ก่อน อุมัรทราบเหตุการณ์ก็เรียกเขากลับไปรายงานตัวที่เมืองหลวง คือ นครมะดีนะฮฺ อะบูฮุร็อยเราะฮฺจะเล่าถึงเหตุการณืที่เกิดขึ้นและการเจรจาระหว่างเขากับค่อลีฟะฮฺ อุมัร ว่า
 
อุมัรได้กล่าวกับฉันว่า โอ้ ศัตรูของอัลลอฮฺ ศัตรูของคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่านยักยอกทรัพย์สินของอัลลอฮฺหรือ?! ฉันกล่าวตอบว่า ฉันมิใช่ศัตรูของอัลลอฮฺ และฉันก็มิใช่ศัตรูของคัมภีร์ของอัลลอฮฺ แต่ทว่าฉันเป็นศัตรูกับผู้ที่เป็นศัตรูของอัลลอฮฺและคัมภีร์ของพระองค์ และฉันก็มิใช่ผู้ที่ยักยอกทรัพย์สินของอัลลอฮฺ อุมัรถามเขาว่า ถ้าเช่นนั้นท่านรวบรวมทรัพย์สินมาจากไหนถึงหนึ่งหมื่นดิรฮัม ฉันตอบว่า ม้าของฉันออกลูกหลังจากนั้นมันก็งอกเงยขึ้นจากม้าตัวนั้น อุมัรกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นจงเอาเงินทั้งหมดนั้นนำเข้ากองศาสนสมบัติของมุสลิมีน
 
อะบูฮุร็อยเราะฮฺเอาเงินทั้งหมดมอบให้อุมัรแล้วก็ยกมือขึ้นสูง แล้วกล่าวว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉันขอพระองค์ทรงยกโทษให้แก่ท่าน อะมีรุลมุอฺมินีนด้วย หลังจากนั้นอีกระยะหนึ่ง อุมัรได้เรียกอะบูฮุร็อยเราะฮฺเข้าพบ และเสนอให้เข้าไปดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง อะบูฮุรอยเราะฮฺปฏิเสธและบอกข้อขัดข้องแก่อุมัร แล้วอุมัรถามเขาว่า ทำไม? อะบูฮุร็อยเราะฮฺ ตอบว่า เพื่อที่จะไม่ถูกประณาม ถูกริบทรัพย์สิน และถูกเฆี่ยนหลัง!! และ ฉันกลัวว่าจะตัดสินไปโดยไม่มีความรู้และพูดออกไปโดยปราศจากความอ่อนหวาน
 
อยู่มาวันหนึ่ง อะบูฮุร็อยเราะฮฺ รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปหาอัลลอฮฺตะอาลา แล้วเขาก็มีความคิดถึงเช่นนั้น ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนเขาช่วยกันขอพรให้เขา หายเจ็บหายไข้ในเร็ววัน แต่อะบูฮุร็อยเราะฮฺก็ยังพร่ำขอพรต่ออัลลอฮฺว่า "โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของฉัน แท้จริงข้าพระองค์นั้นมีความปรารถนาที่จะพบพระองค์ ขอพระองค์ทรงตอบรับการพบของข้าพระองค์ด้วยเทอญ"
อะบูฮุร็อยเราะฮฺถึงแก่กรรมเมื่อ ปี ฮ.ศ. 59 ขณะที่อายุได้ 78 ปี ศพของเขาถูกนำไปฝังที่หลุมฝังศพอัลบะเกี๊ยะอฺ ขณะที่บรรดาผู้ที่ไปพิธีฝังศพของเขาเดินกลับบ้าน หลายคนทีเดียวที่อ่านอัลฮะดีสซึ่งเขาได้เล่าให้ท่านเหล่านั้นฟังและจดจำ มีคนหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไปร่วมพิธีฝังศพได้ถามเพื่อนของเขาว่า ทำไมจึงเรียกเชคผู้ล่วงลับว่า "อะบูฮุร็อยเราะฮฺ" เล่า?
 
เพื่อนคนนั้นซึ่งรู้จักอะบูฮุร็อยเราะฮฺดีกล่าวตอบไปว่า ชื่อของเขาในสมัยญาฮิลียะฮฺมีชื่อว่า "อับดุ ชัมสฺ" เมื่อเข้ารับนับถืออิสลามแล้วท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรียกเขาว่า "อับดุรรอหฺมาน" เขาเป็นผู้ที่มีความเอ็นดูเมตตาต่อสัตว์ เขาเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง (แมว ภาษาอาหรับเรียกว่า ฮิรเราะฮฺ) เขาเลี้ยงดูมันอย่างดี แล้วแมวตัวนั้น ก็ติดสอยห้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง เขาจึงถูกขนานนามว่า "อะบูฮุร็อยเราะฮฺ บิดาแห่งแมวตัวน้อย" ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงประทานความโปรดปรานให้แก่เขาด้วยเทอญ.