หะดีษที่ 2/7 อิสลาม-อีมาน-อิหฺซาน (อัลอิหฺซาน 2, วันกิยามะฮฺเมื่อไหร่,สัญญาณกิยามะฮฺ)//จบ//

Submitted by dp6admin on Thu, 29/11/2018 - 09:37
หัวข้อเรื่อง
หะดีษที่ 2 อิสลาม-อีมาน-อิหฺซาน ภาค 4 "อัลอิหฺซาน"
فإنْ لم تكن تراه فإنَّه يراك - อัลอิหฺซานคือสถานภาพของผู้ประกอบอิบาดะฮฺ เสมือนมองเห็นอัลลอฮฺ หรือเสมือนอัลลอฮฺมองเห็นเขา
الاستئثار بعلم الساعة للحض على الزيادة - อัลลอฮฺทรงสงวนความรู้เกี่ยวกับวันกิยามะฮฺเพื่อสนับสนุนให้เพิ่มพูน ให้ทำมากขึ้น
أن تلد الأمة ربتها - (สัญญาณกิยามะฮฺแรก) ทาสีจะคลอดออกมาเป็นเจ้านาย
ترؤّس الأسافل - (สัญญาณที่ 2) คนชั้นต่ำจะเป็นหัวหน้า
انقلاب الحقائق والأحوال - ความจริงจะเปลี่ยนสภาพ (ดีเป็นเลว เลวเป็นดี)
يتطاولون في البنيان - จะแข่งขันในการสร้างอาคาร
أهمية حديث عمر بن الخطاب - ความสำคัญของหะดีษนี้
สถานที่
บ้านทองทา บางกอกน้อย
วันที่บรรยาย
ขนาดไฟล์
11.60 mb
ความยาว
98.00 นาที
มีวีดีโอ
ไม่มี
รายละเอียด

อัลอิหฺซาน(2) คือสถานภาพของผู้ประกอบอิบาดะฮฺ เสมือนมองเห็นอัลลอฮฺ หรือเสมือนอัลลอฮฺมองเห็นเขา

 มีหะดีษมากมายที่ให้เราเตรียมความรู้สึกว่าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺขณะทำอิบาดะฮฺ
وقد وردت الأحاديثُ الصَّحيحةُ بالنَّدب إلى استحضار هذا القُربِ في حال العباداتِ ، كقوله - صلى الله عليه وسلم - : (( إنَّ أحدَكم إذا قامَ يُصلِّي ، فإنَّما يُناجِي ربَّه ، أو ربَّه بينه وبينَ القبلةِ )) رواه البخاري. 
ท่านนบี "คนหนึ่งคนใดในพวกท่านเมื่อลุกขึ้นละหมาดแล้ว เปรียบเสมือนเขากำลังปรารภกับอัลลอฮฺ" หรือ "เปรียบเสมือนองค์พระผู้อภิบาลอยู่ระหว่างเขากับกิบลัต" (บันทึกโดยอิมามบุคอรี)
- ขณะละหมาดรู้สึกใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ อบอุ่น บ่งว่าเรามีอิหฺซาน

وقوله : (( يقولُ الله - عز وجل - : أنا مع ظنِّ عبدي بي ، وأنا معه حيث ذكرني ، فإن ذكرني في نفسه ، ذكرتُهُ في نفسي ، وإنْ ذكرني في ملأ ، ذكرته في ملأ خيرٍ منه ،
 وإنْ تقرّبَ منِّي شبراً ، تقرَّبتُ منه ذراعاً ، وإن تقرَّبَ منِّي ذراعاً ، تقرَّبتُ منه باعاً ، وإن أتاني يمشي ، أتيته هرولةً ))رواه البخاري.
หะดีษ 2 (หะดีษกุดซียฺ) อัลลอฮฺตรัสว่า "ข้า(อัลลอฮฺ)จะตอบรับบ่าวของข้า ตามความหวังของบ่าวต่อข้า และข้าอยู่กับเขา เมื่อเขารำลึกถึงข้า
เมื่อเขารำลึกถึงข้าในตัวเขา (ในใจ) ข้าก็รำลึกถึงเขาในตัวข้า, หากเขารำลึกถึงข้าต่อสาธารณชน ข้าก็จะรำลึกถึงเขาในที่สาธารณะที่ประเสริฐกว่าสาธารณชนนั้น (คือกับบรรดามะลาอิกะฮฺ), หากเขาเข้าใกล้ชิดข้า 1 คืบ ข้าก็จะเข้าใกล้เขา 1 ศอก, และหากว่าเขาได้เข้าใกล้ชิดข้า 1 ศอก ข้าก็จะเข้าใกล้เขา 1 ช่วงแขน, หากเขาได้เดินมายังข้า ข้าก็จะวิ่งไปยังเขา" (บันทึกโดยอิมามบุคอรียิ)

•    ومن وصل إلى استحضارِ هذا في حال ذكره الله وعبادته استأنسَ بالله ، واستوحش مِنْ خلقه ضرورةً .
ใครได้บรรลุ มีความรู้สึกเช่นนี้ (สนิทสนมกับอัลลอฮฺ) ขณะที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ ขณะอิบาดะฮฺต่อพระองค์ เขาก็จะเกิดความสนิทสนมกับอัลลอฮฺ (อัลอุนสฺ) และจะรู้สึกว่าไม่อยากคลุกคลีกับผู้คนทั้งหลาย

•    وقال أبو أسامة : دخلت على محمد بن النَّضر الحارثيِّ ، فرأيتُه كأنَّه منقبضٌ ، فقلت : كأنَّك تكره أنْ تُؤتى ؟ قال : أجل، فقلت : أوَما تستوحشُ ؟ فقال : كيف أستوحشُ وهو يقولُ : أنا جليسُ مَنْ ذكرني. 
อบูอุซามะฮฺ(สะลัฟ) -ได้เข้าไปหา มุฮัมมัด อิบนุนนัฎรฺ เขาไม่ค่อยอยากคลุกคลีกับใคร จึงถามว่า ดูเหมือนท่านไม่อยากให้ใครมาหามาเยี่ยมท่านเลยหรือ ?
เขาตอบว่า ใช่ ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยม
ท่านไม่เหงาหรือ ? ท่านตอบว่า "จะรู้สึกเหงาอย่างไรเล่า ขณะที่พระองค์ท่านตรัสว่า ข้านั่งอยู่ด้วยกับผู้ที่รำลึกถึงข้า"

وقال مسلم بنُ يسار : ما تلذَّذ المتلذِّذونَ بمثلِ الخَلْوةِ بمناجاةِ اللهِ - عز وجل -. 
وقال مسلم العابد : لولا الجماعة ، ما خرجتُ من بابي أبداً حتّى أموت
มุสลิม บินยะซาร "คนที่ลิ้มรสชาติแห่งความสุขนานา เขาจะไม่ได้รสชาติของความสุขที่ลึกซึ้งมากกว่าความสุขที่ได้จากการซิกรุลลอฮฺตามลำพัง"
- ในกุโบร์ ทุกคนต้องอยู่ตามลำพัง
มุสลิม อัลอาบิด (คนที่ขยันอิบาดะฮฺ) "ถ้าไม่มีเรื่องละหมาดจะมาอะฮฺ ฉันก้ไม่ออกนอกบ้านแล้ว"

สรุป ตลอดชีวิตเราต้องตรวจสอบ "อิสลาม-อิมาน-อิหฺซาน" ของเราว่าได้แค่ไหนแล้ว
-----
หะดีษ 02-7 "วันกิยามะฮฺเมื่อไหร่ ?"
https://podcasters.spotify.com/pod/show/islaminthailand/episodes/02-7-e…

"คนนั้น(จิบรีล)ถาม(ท่านนบี)ต่ออีกว่า “ถ้าดังนั้น จงแจ้งให้ฉันทราบเกี่ยวกับสัญญาณของมัน” ท่านนบี  ตอบว่า “ส่วนหนึ่งก็คือทาสหญิงคลอดลูกเป็นนายของนาง ท่านจะได้เห็นผู้คนซึ่งแต่ก่อนนี้ยากจนขัดสน สวมเสื้อผ้าขาด ๆ เป็นผู้เลี้ยงแพะ ได้กลายเป็นผู้มีความสามารถจนสร้างตึกได้” หลังจากนั้น คนนั้นก็จากไป

จีบรีลถามท่านนบีว่า "วันกิยามะฮฺเมื่อไหร่ ?"
ทำไมจิบรีลจึงถามท่านนบีเกี่ยวกับวันกิยามะฮฺ ?

الاستئثار بعلم الساعة للحض على الزيادة
อัลลอฮฺทรงสงวนความรู้เกี่ยวกับวันกิยามะฮฺเพื่อสนับสนุนให้เพิ่มพูน ให้ทำมากขึ้น

- สิ่งที่ชัดเจนของกิยามะฮฺคือ ความตาย เมื่อตายแล้ว วันกิยามะฮฺของคนนั้นก็เริ่มแล้ว
- "อัซซาอะฮฺ" แปลว่า ชั่วคราว ทำไมเรียกวันกิยามะฮฺแบบนี้

•    فقول جبريل عليه السَّلام أخبرني عن السَّاعة ، فقال النَّبيُّ - صلى الله عليه وسلم - : (( ما المسئول عنها بأعلمَ من السَّائل )) يعني : أنَّ علم الخلق كلِّهم في وقتِ السَّاعة سواءٌ ، وهذه إشارةٌ إلى أنَّ الله تعالى استأثر بعلمها، ولهذا في حديث أبي هريرة: قال النَّبيُّ - صلى الله عليه وسلم - في خمسٍ لا يعلمهُنَّ إلاَّ الله تعالى ثم تلا : ﴿ إِنَّ اللهَ عِنْدَهُ عِلْمُ السَّاعَةِ وَيُنَزِّلُ الْغَيْثَ وَيَعْلَمُ مَا فِي الأَرْحَامِ وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ مَاذَا تَكْسِبُ غَداً وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ بِأَيِّ أَرْضٍ تَمُوتُ إِنَّ اللهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ﴾
21 ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺรายงานหะดีษจากท่านนบีว่า "5 ประการ ไม่มีใครรู้ นอกจากอัลลอฮฺ แล้วท่านนบีก็อ่านอายะฮฺ

31:34 แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ความรู้แห่งวันอวสานมีอยู่ ณ ที่พระองค์ และพระองค์ทรงประทานฝนลงมาและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในมดลูก และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า ณ แผ่นดินใดมันจะตาย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน (ซูเราะฮฺลุกมาน)

ตักดีรของอัลลอฮฺมีหลายระดับ
1- ความรู้ของอัลลอฮฺ
2- พระประสงค์ของอัลลอฮฺ
3- บันทึก 
4- การสร้างให้เกิดขึ้น

أن تلد الأمة ربتها
26 (สัญญาณแรก) ทาสีจะคลอดออกมาเป็นเจ้านาย
- ร็อบบะตุฮา คือ เจ้านายหรือเจ้าของทาสีนั้น

•    وقد ذكر النَّبيُّ - صلى الله عليه وسلم - للسَّاعة علامتين :
•    الأولى : (( أنْ تلد الأمة ربَّتها)) ، والمراد بربَّتها سيِّدتُها ومالكتها ،، وهذه إشارةٌ إلى فتح البلاد ، وكثرة جلبِ الرَّقيق حتى تكثر السَّراري ، ويكثر أولادهن ، فتكون الأُم رقيقةً لسيِّدها وأولاده منها بمنْزلته ، فإنَّ ولدَ السيد بمنْزلة السيد ، فيصير ولد الأمة بمنْزلة ربها وسيدها. وذكر الخطابي أنَّه استدلَّ بذلك من يقول : إنَّ أمَّ الولدِ إنَّما تعتق على ولدها من نصيبه من ميراث والده ، وإنَّها تنتقل إلى أولادها بالميراث ، فتعتق عليهم ، وإنَّها قبل موت سيدها تُباع ، قال : وفي هذا الاستدلال نظر .قلت : قد استدل به بعضُهم على عكس ذلك ، وعلى أنَّ أمَّ الولد لا تُباع ، وأنَّها تعتق بموتِ سيِّدها بكل حال ؛ لأنَّه جعل ولد الأمَة ربها ، فكأن ولدها هو الذي أعتقها فصار عتقها منسوباً إليه ؛ لأنَّه سببُ عتقها ، فصار كأنَّه مولاها. وهذا كما روي عنِ النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - أنَّه قال في أمِّ ولده ماريَّةَ لمَّا ولدت إبراهيمَ - عليه السلام - : (( أعتقها ولدُها ))

- ท่านนบีพูดถึงมารียะฮฺ ทาสีของท่านนบีที่มีลูกกับท่านนบีชื่อ อิบรอฮีม (ภายหลังเสียชีวิตตอนเกิดสุริยุปราคา) นบีบอกว่ามารียะฮฺเป็นอิสระหลังจากมีลูกกับท่านนบี

ترؤّس الأسافل
(สัญญาณที่ 2) คนชั้นต่ำจะเป็นหัวหน้า

อัลอะซาฟิล - คนชั้นต่ำหมายถึง คนที่ไร้ค่าด้านอีมานด้านความรู้

•    والعلامة الثانية : (( أنْ ترى الحُفاة العُراة العالة )) والمراد بالعالة : الفُقراء ، وقوله : (( رعاء الشاء يتطاولون في البُنيان )) . 
هكذا في حديث عمر ، والمراد أنَّ أسافلَ الناس يصيرون رؤساءهم ، وتكثر أموالهم حتّى يتباهون بطول البنيان وزخرفته وإتقانه .
- ท่านนบีกล่าวว่า "เจ้าจะเห็น คนเท้าเปล่า เปลือยกาย (ไม่ปิดเอาเราะฮฺสมบูรณ์), ยากจนขัดสน คนที่เลี้ยงแพะจะแข่งกันในการสร้างตึกให้สูง" -- ปรากฏให้เห็นในคาบสมุทรอาหรับ
-- อิบนุร่อจับ - หมายรวมถึง คนชั้นต่ำนี้ จะเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าของสังคม ทรัพย์สินของเขาจะมากขึ้น

•    وفي هذا المعنى أحاديث متعددة ، فخرَّج الإمام أحمد والترمذي من حديث حذيفة ، عنِ النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - ، قال : (( لا تقومُ السَّاعة حَتّى يكونَ أسعدُ النَّاسِ بالدُّنيا لكع بن لكع )) .
31 หุซัยฟะฮฺรายงานว่า ท่านนบีกล่าวว่า "วันกยิามะฮฺจะไม่เกิดขึ้น จนกว่าในโลกดุนยานี้ คนที่รุ่งเรือง(มีบารมี)ที่สุด คือคนที่ไม่มีค่า (ไม่มีศีลธรรมความรู้) แต่จะเป็นเจ้าของโลก(ดุนยา)"

•    وخرّج الإمام أحمد والطبراني من حديث أنس ، عنِ النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - ، قال : (( بينَ يدي الساعةِ سنُونَ خدَّاعةٌ ، يُتَّهمُ فيها الأمينُ ، ويُؤْتَمنُ فيها المتَّهمُ ، وينطق فيها الرُّويبضةُ )) . قالوا : وما الرويبضَةُ ؟ قال : ((السَّفيه ينطق في أمرِ العامَّة )) . وفي رواية : (( الفاسقُ يتكلَّمُ في أمر العامة )).
ท่านอนัสรายงานว่า ท่านนบีกล่าวว่า "ช่วงเวลาก่อนวันกิยามะฮฺ จะมีระยะเวลาหลายปีแห่งการหลอกลวง คนที่มีอมานะฮฺ(คนซื่อสัตย์) จะถูกกล่าวหาใส่ร้าย และคนที่น่าสงสัย(มีข้อหา)จะถูกปกป้อง ถูกเรียกว่าเป็นคนมีอมานะฮฺ
ในช่วงนั้น รุวัยบิเฎาะฮฺจะกล้าพูด คือ คนไร้ปัญญา (ไร้ศาสนา ไร้จริยธรรมศีลธรรม) จะพูดในเรื่องใหญ่โตของสังคม"

รุวัยบิเฎาะฮฺ - (เราะบะเฎาะ - แปลว่า ตั้งหลัก ปักหลัก คือแมลงตัวเล็กๆ ไล่ก็ไม่ไป)
- คือ คนไร้ปัญญา ไร้ศาสนา ไร้จริยธรรมศีลธรรม จะพูดในเรื่องใหญ่โตของสังคม

انقلاب الحقائق والأحوال
ความจริงจะเปลี่ยนสภาพ (ดีเป็นเลว เลวเป็นดี)

    ومضمونُ ما ذكر من أشراطِ الساعة في هذا الحديث يَرجِعُ إلى أنَّ الأمور تُوَسَّدُ إلى غير أهلها ، كما قال النَّبيُّ - صلى الله عليه وسلم - لمن سأله عن الساعة :  إذا وُسِّدَ الأمر إلى غير أهله فانتظر الساعة . رواه البخاري ،
สรุป - ภาพรวมของสัญญาณกิยามะฮฺในหะดีษนี้ก็จะกลับไปสู่ประเด็นเดียวคือ กิจการของสังคมจะถูกมอบหมายให้แก่คนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะจัดการเรื่องนั้นๆได้
ดังที่นบีกล่าว เมื่อถูกถามถึงวันกิยามะฮฺว่าเมื่อไหร่ ท่านนบีตอบว่า "เมื่อกิจการต่างๆในสังคมถูกมอบให้แก่คนที่ไม่มีคุณสมบัติแล้ว ท่านจงรอวันกิยามะฮฺได้เลย"

 فإنَّه إذا صار الحفاةُ العراةُ رعاءُ الشاءِ - وهم أهلُ الجهل والجفاء - رؤوسَ الناس انعكست سائرُ الأحوال ، فصُدِّقَ الكاذبُ ، وكُذِّبَ الصادقُ ، وائتُمِنَ الخائنُ، وخوِّنَ الأمينُ، وتكلَّمَ الجاهلُ ، وسكتَ العالم ، أو عُدِمَ بالكلية ، كما صحَّ عن النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - أنه قال : (( إنّ من أشراط الساعة أن يُرفَعَ العلمُ ، ويظهر الجهلُ ))رواه البخاري وأخبر : (( أنَّه يقبضُ العلمُ بقبض العلماء، حتى إذا لم يبق عالم، اتخذ الناس رؤوساً جهالاً ، فسُئِلوا فأفتوا بغير علم ، فضلوا وأضلوا ))رواه البخاري . 
ถ้าคนเท้าเปล่า เปลือยกาย เลี้ยงแพะ (ซึ่งส่วนมากเป็นคนไม่มีความสามารถในการบริหารสังคม) กลับเป็นหัวหน้าคนในสังคม ทุกวสิ่งทุกอย่างจะกลับตาลปัตร, คนโกหกถูกเชื่อ, คนพูดจริงถูกกล่าวหาว่าโกหก, คนทรยศ ได้รับการชื่นชมว่ามีอมานะฮฺ, คนมีอมานะฮฺ ถูกกล่าวหาว่าทรยศ, คนโง่เขลา(ไม่มีความรู้)จะมีโอกาสพูด, ผู้รู้ไม่พูด, (บางที่)ไม่มีผู้รู้เลย, 
- ความรู้จะถูกยก ความโง่เขลาจะแพร่หลาย
- ความรู้ถูกยก เนื่องจากอุละมาอฺตายไป คนก็จะไปหาผู้รู้ ไม่มี ก็เอาคนไม่มีความรู้มาเป็นหัวหน้า เขาจะฟัตวาโดยไร้ความรู้ เขาหลงและทำให้คนอื่นหลงไปด้วย

وقال الشَّعبي : لا تقومُ السَّاعة حتى يصيرَ العلمُ جهلاً ، والجهلُ علماً . وفي مستدرك الحاكم وصححه عن عبد الله بن عمرو مرفوعاً : (( إن من أشراط الساعة أن يُوضع الأخيارُ ، ويُرفع الأشرارُ )) . وهذا كله من انقلاب الحقائق في آخر الزمان وانعكاس الأمور .
- แท้จริงสัญญาณกิยามะฮฺ คนดีจะถูกกดขี่ คนเลวจะถูกยกย่อง
- ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่า ความจริงจะถูกกลับ ในยุคสุดท้าย

يتطاولون في البنيان
จะแข่งขันในการสร้างอาคาร

•    وفي قوله : (( يتطاولون في البنيان )) دليلٌ على ذمِّ التباهي والتفاخر ، خصوصاً بالتطاول في البنيان ، ولم يكن إطالة البناء معروفاً في زمن النَّبيّ - صلى الله عليه وسلم - وأصحابه ، بل كان بنيانهم قصيراً بقدر الحاجة، وروى أبو الزناد ، عن الأعرج ، عن أبي هريرة ، قال : قال رسول الله - صلى الله عليه وسلم - : (( لا تقومُ الساعةُ ، حتَّى يتطاول الناسُ في البنيان )) . خرَّجه البخاري.
•    وقال حريثُ بن السائب ، عن الحسن : كنتُ أدخلُ بيوتَ أزواج النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - في خلافة عثمان - رضي الله عنه - فأتناولُ سقفَها بيدي. رواه البخاري في الأدب المفرد .
•    وخرّج ابن ماجه من حديث أنس ، عنِ النَّبيِّ - صلى الله عليه وسلم - ، قال : (( لا تقومُ الساعةُ حتّى يتباهى الناسُ في المساجد )) . وهو حديث صحيح .

- เป็นหลักฐานว่าไม่อนุญาตให้โอ้อวดกันในเรื่องการสร้าง
- อัลหะซัน อัลบัศรี เคยเข้าบ้านของภรรยาท่านนบี เอามือเอื้อมถึงเพดานได้
- วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้น จนกว่าผู้คนจะโอ้อวดกันในเรื่องมัสจิด

أهمية حديث عمر بن الخطاب
ความสำคัญของหะดีษนี้

•    فمن تأمَّل ما أشرنا إليه ممَّا دلَّ عليه هذا الحديثُ العظيم ، علم أنَّ جميعَ العُلوم والمعارف ترجعُ إلى هذا الحديث وتدخل تحته ، وأنَّ جميع العلماء من فِرَقِ هذه الأمَّة لا تخرجُ علومهم التي يتكلَّمون فيها عن هذا الحديث، وما دلَّ عليه مجمَلاً ومفصَّلاً ففي هذا الحديث وحدَه كفايةٌ ، وللهِ الحمدُ والمنَّةُ

ใครที่ได้ไตร่ตรองในสิ่งที่เราอธิบายหะดีษบทนี้ ในข้อมูลเนื้อหาจะตระหนักว่าองค์ความรู้ที่สำคัญย่อมเข้าอยู่ในหะดีษบทนี้ ความรู้ของอุละมาอฺในประชาชาตินี้ ไม่ว่าจะเป็นสาขาใดก็ตาม ย่อมกลับมาสู่กรอบและหลักการหลักๆของหะดีษนี้ ความรู้ต่างๆ ก็จะอยู่ในเนื้อหาของหะดีษบทนี้  หะดีษนี้ย่อมมีความเพียงพอสำหรับผู้ศรัทธา
 

WCimage
207