ส่วนมาตรฐานหรือระดับความรู้และความเข้าใจในเรื่องของบัญญัติศาสนานั้น ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นผู้กำหนดและเป็นผู้จัดระดับให้แก่เขา ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ในฮะดีสที่ว่า
معاذ بن جبل إِمام العلماء يوم القيامة
"มุอ๊าซอิบนฺญะบัล เป็นผู้นำของบรรดาผู้รู้ในวันกิยามะฮฺ"
เป็นการพอเพียงแล้วมิใช่หรือที่ท่านร่อซูล เป็นผู้ยืนยันและรับรองว่าเขาเป็นผู้นำของบรรดาผู้รู้ในวันอันยิ่งใหญ่คือ วันกิยามะฮฺ
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการอมรมในเรื่องของศาสนาที่ได้จัดให้มีขึ้นแต่ละครั้ง จะเห็นได้ว่ามุอ๊าซได้ตอบปัญหาอย่างฉะฉาน เพราะเขาท่องจำอัลกุรอานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังท่องจำฮะดีสได้อีกทั้งหมด และสัญชาติญาณที่พรักพร้อมอันเด่นชัดของเขา ได้ช่วยให้เขาได้ตัดสินชี้ขาดในเรื่องศาสนาด้วยหลักฐานจากอัลกุรอาน หรือซุนนะฮของท่านร่อซูล หรือการให้ความคิดเห็นส่วนตัวของเขา
มีสาวกคนหนึ่งซึ่งได้เข้าร่วมวงฟังการบรรยายทางศาสนธรรมของมุอ๊าซ กล่าวว่า คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาเปรียบเสมือนแสงสว่างหรือเสมือนแสงสว่างหรือดวงประทีป ทุกๆคำพูดของเขาได้แผ่รัศมีออกมาด้วยความศรัทธา ความยำเกรง และความเชื่อมั่น
มุอ๊าซได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเยเมนพร่ำสั่งสอน และแนะนำในเรื่องของศาสนาแก่บรรดามุสลิมในประเทศนั้น จนกระทั่ง ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถึงอะญัลของอัลลอฮฺ ณ ขณะนั้นมุอ๊าซจึงเดินทางกลับไปยังนครอัลมะดีนะฮฺ และพำนักอยู่ที่นั่น เพื่อบรรยายสั่งสอนบรรดามุสลิมที่มาร่วมละหมาด ณ มัสยิดอันนะบะวีย์
มุอ๊าซเป็นผู้ที่น่าไว้วางใจและเชื่อถือได้ในด้านที่เกี่ยวกับวิชาความรู้ทางศาสนาผู้ที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เมื่อได้ยินได้ฟังบรรยายหรือคำสั่งสอนของเขาจะรู้สึกงงงันหรือเคลิบเคลิ้ม และจะพากันถามว่าชายหนุ่มผู้รอบรู้คนนี้เป็นใคร ซึ่งเขาจะตอบปัญหาและชี้แจงเรื่องต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว และแน่นอน อาอิซ อิบนฺ อับดิลลาฮฺ ได้เล่าให้ฟังว่า
วันหนึ่งฉันได้เข้าไปในมัสยิดพร้อมกับบรรดาสาวกบางคนเพื่อทำละหมาด ซึ่งในขณะนั้นอยู่ตอนต้นสมัยของคอลีฟะฮฺอุมัร อิบนฺ ค๊อฏฏ๊อบ ฉันได้พบเห็นชนกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 30 กว่าคน นั่งล้อมวงอ่านฮะดีสบทหนึ่งจากท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และผู้ที่นั่งอยู่กลางวง เป็นเด็กหนุ่มผิวคล้ำ คำพูดหรือคำบรรยายของเขาอ่อนโยนและชัดเจน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุด ที่นั่งอยู่กลางวงล้อมของกลุ่มชนนั้น ผู้ใดที่มีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจสิ่งใดเกี่ยวกับฮะดีสหรือปัญหาใดๆ ก็จะเข้าไปถาม และหาความกระจ่างจากเขา อาอิซ ได้กล่าวว่า เมื่อการบรรยายได้เสร็จสิ้นลง เขาได้เข้าไปถามมุอ๊าซว่า ท่านเป็นใคร โอ้ยาอับดัลลอฮฺ มุอ๊าซได้ตอบเขาด้วยความถ่อมตนและนอบน้อมว่า ฉันคือมุอ๊าซ อิบนฺญะบัล
อุมัร อิบนุลค๊อฏฏ๊อบ เมื่อประสบกับปัญหาใดๆ ก็จะไปหามุอ๊าซ อิบนฺญะบัล เพื่อให้เขาชี้แจงข้อสงสัยหรือตอบปัญหานั้นๆ เมื่อมุอ๊าซได้ชี้แจงหรือตอบปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อุมัรก็จะกล่าวขึ้นว่า "หากไม่มีมุอ๊าซแล้ว อุมัรจะเสียหายแน่ๆ"
ความเชื่อมั่นหรือการให้เกียรติของอุมัรที่มีต่อมุอ๊าซอย่างมากมาย ถึงขนาดที่เมื่อผู้ว่าราชการเมืองชามคือ อะบูอุบัยดะฮฺ อิบนิลญัรรอหฺ ได้เสียชีวิตลง อุมัรมิได้ลังเลใจที่จะแต่งตั้งมุอ๊าซเป็นผู้ว่าราชการแทนทันที ยิ่งไปกว่านั้นครั้งหนึ่งมีผู้ถามอุมัร ว่าหากท่านขอร้องพวกเราให้สัตยาบันกับท่าน เพื่อแต่งตั้งค่อลีฟะฮฺแทนท่าน ท่านจะเลือกใคร? อุมัรได้ตอบทันทีว่า หากมุอ๊าซ อิบนฺญะบัล ยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะแต่งตั้งเขาอย่างแน่นอน แล้วเมื่อฉันได้ไปหาพระเจ้าของฉัน พระองค์ก็จะถามฉันว่า เจ้าได้แต่งตั้งใครเป็นตัวแทนของประชาชาติมุฮัมมัด ฉันก็จะตอบว่า ข้าพระองค์ได้แต่งตั้ง มุอ๊าซ อิบนฺญะบัล เป็นตัวแทนของประชาชาติมุฮัมมัด เพราะข้าพระองค์ได้ยินท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า "มุอ๊าซอิบนฺญะบัลคือผู้นำของบรรดาผู้รู้ในวันกิยามะฮฺ" นอกจากนี้ข้าพระองค์ยังได้ยินท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้อีกว่า มุอ๊าซ อิบนฺญะบัล เป็นผู้มีความรู้ดียิ่งในหมู่ประชาชาติของฉันเกี่ยวกับเรื่องหะล้าลและหะรอม
มุอ๊าซ อิบนฺญะบัลมองเห็นว่า วิชาความรู้อย่างเดียวจะไม่อำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้รู้ แต่จำเป็นจักต้องให้เขานำเอาวิชาความรู้ไปปฏิบัติด้วย และเห็นว่าไม่สมควรที่จะทุ่มเทเวลาเพื่อการทำอิบาดะฮฺเท่านั้น และไม่เห็นด้วยที่จะผินหลังให้กับดุนยา ครั้งหนึ่งมุอ๊าซได้สั่งเสียผู้ที่เข้าร่วมฟังคำบรรยายของเขาว่า "จงถือศีลอด และจงละศีลอด จงทำละหมาด และจงนอนพักผ่อนด้วย จงทำความดีและอย่าทำบาป ท่านอย่าตายเว้นแต่ท่านจะอยู่ในสภาพของการเป็นมุสลิมอย่างแท้จริง และจงระวังการวิงวอนของผู้ถูกข่มเหง"
ทั้งๆ ที่ชื่อเสียงของมุอ๊าซ อิบนฺญะบัล ได้ขจรขจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ในฐานะที่เขาเป็นผู้รู้และมีความเข้าใจในบัญญัติศาสนาอย่างดีคนหนึ่ง กระนั้นก็ดีความตายซึ่งเป็นของแน่นอนที่สุดได้มาเยือนเขาอย่างกระทันหัน ซึ่งเขาได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว โดยเขามีอายุเพียง 33 ปี และประวัติศาสตร์ได้บันทึกความดีและกิจกรรมที่ดีๆ ของเขาไว้ ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีแก่เราท่านทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
- Log in to post comments
- 176 views