หิญาบ (สู่อีมานที่มั่นคง 49)

Submitted by dp6admin on Wed, 22/01/2020 - 12:56
เนื้อหา

“แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม” และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ” (อันนูร 51)

พี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพทั้งหลายครับ อัสสลามุอลัยกุมวะเราะหฺมะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮฺ 

หิญาบเรื่องการคลุมหิญาบของสุภาพสตรีมุสลิมในศาสนาอิสลามนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องสร้างความเข้าใจกับพี่น้องมุสลิมะฮฺบางท่านที่อาจจะมีทัศนะ มุมมองหรือความเข้าใจที่ผิดพลาด ไม่ตรงกับหลักการศาสนาอิสลาม ดังที่เราเห็นในสังคมว่าความผิดด้านศาสนานั้นมักจะมีส่วนที่เกี่ยวกับการขาดข้อมูล ขาดการศึกษา มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องหรือผิดพลาด ดังนั้นการที่จะสร้างความเข้าใจตรงนี้กับพี่น้องผู้ศรัทธาก็จะเป็นการดีสำหรับการแก้ไขด้านการปฏิบัติ แก้ไขความเข้าใจที่เกี่ยวกับหลักการศาสนา 

มีมุสลิมะฮฺหลายคนที่จะเข้าใจว่าการคลุมหิญาบ การปิดบังความสวยงามของนางตามหลักการศาสนาอิสลามนั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของนางที่เกี่ยวกับความจำเป็น หุกุ่มหรือข้อตัดสินทางศาสนา เช่น บางคนอาจจะเข้าใจว่าการคลุมหิญาบเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเคร่งศาสนา คนที่คลุมคือคนที่เคร่ง และความเคร่งนั้นเป็นทัศนะส่วนตัวในภาคปฏิบัติ ใครอยากจะเคร่งหรือไม่เคร่งก็เป็นเรื่องของเขา เรื่องหิญาบจึงขึ้นอยู่กับอารมณ์ว่าเราจะเคร่งหรือไม่เคร่งก็ขึ้นอยู่กับเรา 

แต่ความเข้าใจเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการศาสนาอิสลาม เพราะการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้านั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับความเคร่งหรือไม่เคร่ง เรื่องที่วาญิบหรือจำเป็นต้องปฏิบัตินั้นเราต้องมีความตั้งใจที่จะกระทำโดยปราศจากเหตุผลว่าเรามีอารมณ์หรือความปรารถนาที่จะเคร่งครัดหรือไม่มี เพราะเป็นหน้าที่ของบ่าวของอัลลอฮฺ ที่ต้องแสดงการเคารพภักดีต่อพระองค์

อัลลอฮฺ ได้สรรเสริญบรรดาผู้ศรัทธาที่ได้รับคำบัญชาจากพระองค์และนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างขะมักเขม้น ดังที่พระองค์ตรัสว่า

إِنَّمَا كَانَ قَوْلَ ٱلْمُؤْمِنِينَ إِذَا دُعُوٓا۠ إِلَى ٱللَّـهِ وَرَسُولِهِۦ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ أَن يَقُولُوا۠ سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا ۚ وَأُو۠لَـٰٓئِكَ هُمُ ٱلْمُفْلِحُونَ ﴿٥١﴾
ความว่า “แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม” และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ” (อันนูร 51)

นี่คือคำพูดของบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อถูกเรียกร้องจากพระผู้เป็นเจ้าของเขาให้ปฏิบัติสิ่งที่พระองค์บัญชาหรือที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้แนะนำ พวกเขาก็จะกล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว เราเชื่อฟังแล้ว” 

وَقَالُوا۠ سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا ۖ غُفْرَانَكَ رَبَّنَا وَإِلَيْكَ ٱلْمَصِيرُ ﴿٢٨٥﴾
ความว่า “และพวกเขาได้กล่าวว่า เราได้ยินแล้วและได้ปฏิบัติตามแล้ว การอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้นที่พวกเราปรารถนา โอ้พระเจ้าของพวกเรา! และยังพระองค์นั้นคือการกลับไป”

นั่นคือสิ่งที่เราต้องมีความตระหนักว่าเรื่องเคร่งหรือไม่เคร่งนั้นเป็นความเข้าใจที่อาจจะมาจากวัฒนธรรมของศาสนาอื่นๆ ที่ไม่มีข้อบังคับเหมือนศาสนาอิสลาม ดังที่เราเห็นในบางศาสนาที่อาจจะปล่อยเรื่องหลักการปฏิบัติตามศีลธรรมหรือจริยธรรมให้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของแต่ละคน ใครอยากจะเคร่งก็เคร่ง ใครไม่อยากจะเคร่งก็ไม่ต้องเคร่ง ใครอยากจะปฏิบัติศาสนกิจก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่มีปัญหา แต่ในศาสนาอิสลามนั้นไม่มีเรื่องเหล่านี้ เรื่องเคร่ง หมายถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับ คำสั่งที่อัลลอฮฺกำหนดไว้ เป็นเรื่องที่ผู้ศรัทธานั้นไม่มีทางเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอา หากปฏิบัติก็จะได้ผลบุญ ถ้าไม่ปฏิบัติก็จะมีการลงโทษหรือจะมีความผิดที่จะได้รับการตอบแทนอย่างเจ็บปวดในวันกิยามะฮฺ

สตรีบางคนเข้าใจว่าเรื่องหิญาบนั้นขึ้นอยู่กับการปรับตัวหรือการกลับเนื้อกลับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ เช่นที่บางคนบอกว่าการคลุมหิญาบ การปกปิดเอาเราะฮฺของสุภาพสตรีนั้นเป็นลักษณะของคนที่ประกอบพิธีหัจญ์เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่ได้ทำหัจญ์ก็ไม่ต้องคลุมหิญาบ คนที่มีทัศนะหรือความเข้าใจเหล่านี้ก็มักจะอ้างเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่คลุมหิญาบ ทำไมไม่ปกปิดเอาเราะฮฺให้เรียบร้อย? ก็จะตอบว่ายังไม่ได้ทำหัจญ์ ขอให้ได้บรรลุเรื่องเหล่านี้ก่อนถึงจะคลุม แต่นี่คือความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับหลักการศาสนา เรื่องหิญาบนั้นไม่เกี่ยวกับหัจญ์ แต่เกี่ยวกับหน้าที่ ภารกิจของสุภาพสตรีที่จะต้องปิดบังเอาเราะฮฺของนางเพื่อไม่ให้ก่อฟิตนะฮฺขึ้นในสังคม เป็นหน้าที่ของสตรีผู้ศรัทธาที่จะเอื้ออำนวยและปกป้องให้สังคมนั้นอยู่กับความมั่นคง

เราได้พูดถึงวัฒนธรรมที่จะใช้อวัยวะของผู้หญิงนั้นเป็นสินค้าที่จะใช้ขายโฆษณาทรัพย์สินหรือสินค้าต่างๆ โดยที่ความสวยงามของสุภาพสตรีนั้นจะเป็นจุดขาย นั่นเป็นเรื่องเลวร้ายมากในด้านศีลธรรมและจริยธรรมที่จะนำอวัยวะของมนุษย์ที่มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี เกียรติยศ มาใช้เป็นเครื่องมือล่าผู้ที่มีอารมณ์หรือมีจุดอ่อนตรงนี้ ในทัศนะของอิสลามถือว่าเป็นการกระทำที่จะขัดหรือกระทบต่อศาสนาและความศรัทธาของบรรดาผู้ศรัทธาอย่างมหันต์ 

ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ต่างๆ ไม่เกี่ยวกับข้องหิญาบ แต่หิญาบนั้นเป็นหน้าที่ของมุสลิมะฮฺ ฉะนั้นผมจึงอยากจะให้พี่น้องมุสลิมะฮฺที่มีความศรัทธาทุกท่านได้ตระหนักถึงประโยคที่เป็นสัญลักษณ์แห่งผู้ศรัทธาหญิง คือ “หิญาบของฉัน คือ อีหม่านของฉัน” การปกปิดเอาเราะฮฺของฉันคือภารกิจของฉันต่อพระผู้เป็นเจ้า นี่คือสิ่งที่ต้องปฏิบัติ

บางคนอาจจะเข้าใจว่าหิญาบคือสิทธิส่วนตัว เช่น สามีสั่งให้คลุมหิญาบก็คลุม ถ้าไม่สั่งก็ไม่คลุม เป็นเรื่องประหลาดมากที่เราจะได้เห็นบางครอบครัวที่มีอีหม่านไม่มั่นคง ไม่มีความตระหนักในหลักการ ที่จะหันห่างจากคำบัญชานี้ของอัลลอฮฺ ผมเคยได้ยินว่าสามีบางคนห้ามภริยาของเขาไม่ให้คลุมหิญาบ บางคนสั่งให้ภริยาของเขาแต่งตัวอย่างสวยงาม เปิดเผยเอาเราะฮฺ เปิดเผยศีรษะของนาง เพื่อไปอวดเพื่อนฝูงของเขา นี่คือความผิดมหันต์ เพราะความหึงหวงของผู้ศรัทธาโดยเฉพาะเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของเขา ส่วนหนึ่งคือการรักษาเกียรติยศของภริยา แม้กระทั่งสุภาพสตรีก็ไม่มีสิทธิ์จะเชื่อฟังสามีหากเขาสั่งไม่ให้นางคลุมหิญาบ แต่อัลลอฮฺสั่งให้คลุม นางก็ต้องเลือกว่าจะเชื่อฟังอัลลอฮฺหรือสามี? ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

لا طاعة لمخلوق في معصية الخالق
ความว่า “ไม่มีการเชื่อฟังสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย ในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระผู้สร้าง”

ต้องเชื่อฟังอัลลอฮฺอย่างเดียวเท่านั้น แม้ว่ามันจะขัดกับการเชื่อฟังมนุษย์ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องมีความมั่นคงเพราะมันเกี่ยวกับเรื่องอีหม่านโดยตรง

พี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพทั้งหลายครับ เรื่องการที่จะปฏิบัติตามบัญชาของอัลลอฮฺเรื่องการคลุมหิญาบ ขึ้นอยู่กับความตระหนักของเรา ความปรารถนาของเรา เพราะบ้านเมืองของเราไม่มีปัญหาในการเอื้ออำนวยให้บรรดาผู้ศรัทธาปฏิบัติศาสนกิจ ปฏิบัติตัวตามหลักการศาสนาของเขา ทั้งรัฐธรรมนูญ ทั้งกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับของราชการ ระบบปกครองของบ้านเมือง ล้วนเอื้ออำนวยให้มีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักการศาสนา ในหน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ตามท้องถนน และทุกสถานที่ พี่น้องมุสลิมได้รับการอำนวยความสะดวกให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามหลักการ สุภาพสตรีคลุมหิญาบได้โดยไม่มีอุปสรรคประการใดทั้งสิ้น 

สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเรานะครับ ผมได้ยินในบางโรงเรียนมีพี่น้องบางคนทำโครงการซื้อหิญาบ แจกหิญาบ คุยกับครูใหญ่ให้อำนวยความสะดวกแก่เด็กนักเรียนหญิงที่บรรลุศาสนภาวะหรือแม้แต่เด็กๆ ให้ได้คลุมหิญาบ ปฏิบัติตามหลักการอิสลามตรงนี้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ไม่ขัดข้อง หน่วยงานของกรุงเทพมหานครก็ไม่ขัดข้องหรือขัดขวางประเด็นเหล่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ปกครองมุสลิมเองที่ขัดข้อง ไม่สบายใจ บางคนก็ไม่ยอมให้ลูกสาวของตนคลุมหิญาบ เรื่องนี้เป็นเรื่องอันตราย ผมหนักใจมากที่จะพูดว่า ทำไมผู้ศรัทธาที่มีอีหม่านมีความตระหนักในหลักการถึงปล่อยให้ลูกสาวของเขาไม่ได้คลุมหิญาบ ไม่ให้แสดงสัญลักษณ์ของการเป็นมุสลิมะฮฺ เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองโดยตรง 

การที่นักเรียนบางส่วนที่ต้องการคลุมหิญาบแต่ถูกผู้ปกครองปฏิเสธ ความผิดเหล่านี้ก็จะตกอยู่กับผู้ปกครองของพวกนาง และในปรโลกพวกเขาก็จะถูกทดสอบ จะถูกถามจากพระผู้เป็นเจ้าว่าทำไมจึงไม่เอื้ออำนวยให้ผู้อยู่ภายใต้การปกครองของท่านในการปฏิบัติตามคำบัญชาของข้า? เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามสร้างความเข้าใจและให้ความสำคัญ เพราะหากว่าเราไม่มีการช่วยเหลือกันในการเผยแผ่หลักการศาสนาอิสลาม ปัญหาก็จะตกอยู่กับสังคมของเรา เพราะขณะนี้ไม่มีอุปสรรคใดๆ ที่จะขัดขวางมุสลิมจากการปฏิบัติตามหลักการศาสนา ขึ้นอยู่กับเราเองว่าเราจะทำหรือไม่ทำ อยากได้หรือไม่ได้ จะช่วยกัน สามัคคีกันในการปฏิบัติตามหลักการหรือเราไม่มีความปรารถนา 

นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้กับผู้นำของเรา อิมามมัสญิด กรรมการมัสญิด ผู้ใหญ่ในชุมชนให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบในการเผยแผ่หลักการนี้ของศาสนาอิสลาม
วัสสลามุอะลัยกุมวะเราะหฺมะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮฺ
 


เรียบเรียงจาก สู่อีมานที่มั่นคง ครั้งที่ 49, ชัยคฺริฎอ อะหมัด สมะดี
ผู้เรียบเรียง อบูซัยฟุลลอฮฺ-อุมมุซัยฟุลลอฮ

หิญาบ (สู่อีมานที่มั่นคง 49)