ซูเราะตุนนูร : เนื้อหาโดยรวมและชื่อซูเราะฮฺ

Submitted by dp6admin on Thu, 11/07/2019 - 10:09

เนื้อหาของซูเราะฮฺ

ซูเราะตุนนูรมีศาสนบัญญัติที่เกี่ยวกับมารยาทบุคคลโดยส่วนตัวและด้านอะกีดะฮฺ คือความเชื่อในอัลลอฮฺ ความตระหนักความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าของเรา และมีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับครอบครัว การแต่งกาย(โดยเฉพาะสุภาพสตรี) การขออนุญาตเข้าบ้าน ผู้ชายกับผู้หญิงจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างไร จะต้องมีความเป็นอยู่อย่างไร และในเชิงกฎหมายก็มีบทลงโทษเรื่องการทำซินาและการใส่ร้าย เหล่านี้มีระบุในซูเราะฮฺนี้ อันเป็นซูเราะฮฺที่มีคุณค่าสำหรับครอบครัว

ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา จะพูดกับลูกศิษย์ ลูกหลานและเครือญาติว่า ให้สอนลูกหลานศึกษาซูเราะฮฺอันนูร เพราะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้หญิงมากมาย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างยิ่งคือการแต่งตัวในแบบของอิสลามต้องเป็นอย่างไร ท่านอุมัร อิบนุลค็อฏฏ๊อบ ก็ถือว่าซูเราะตุนนูรนี้มีคุณค่าแก่ครอบครัว ท่านจึงสั่งสอนให้บรรดามุสลิมีนศึกษา อุละมาอฺหลายท่านเช่น ซัยยิด กุฏบฺ  ก็ถือว่าซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺแห่งการอบรมขัดเกลา(ตัรบียะฮฺ)ครอบครัวโดยเฉพาะ ใครที่อยากรู้ว่าในทัศนะอิสลามต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในครอบครัว แม้กระทั่งมารยาทส่วนตัว อิมามกุรฏุบียฺบอกว่า ซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺที่ถูกบัญญัติมาเพื่อสอนความบริสุทธิ์ในด้านอีมาน ให้มีความเลื่อมใสในหลักการศาสนา ให้มีความบริสุทธิ์ในเรื่องมารยาท ให้มีความโปร่งใส

ทำไมจึงเรียกว่าซูเราะฮฺอันนูร?

นูร (النور)  แปลว่า แสงสว่าง (การตั้งชื่อซูเราะฮฺมาจากศอฮาบะฮฺเมื่อรวบรวมอัลกุรอาน ครั้งแรกในยุคท่านอบูบักร ครั้งที่สองยุคท่านอุมัร ศอฮาบะฮฺจึงเริ่มตั้งชื่อซูเราะฮฺ บางซูเราะฮฺอาจมีหลายชื่อ แต่ซูเราะฮฺอันนูรเป็นที่รู้จักกันในชื่อนี้) เพราะช่วงกลางของซูเราะฮฺมีอายะฮฺที่มีความหมายว่า “อัลลอฮฺเป็นรัศมี(นูร,เป็นแสงสว่าง)แห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งมวล” อาจมีคำถามว่า ทำไมจึงตั้งชื่อซูเราะฮฺจากอายะฮฺเพียงอายะฮฺเดียว อุละมาอฺตีความว่า รัศมีหรือแสงสว่างของอัลลอฮฺนั้นจะบ่งบอกถึงรัศมีของพระองค์ในเชิงศาสนบัญญัติ การสอนมารยาท หรือชี้แนะกฎหมายต่างๆที่บรรดามุสลิมีนต้องปฏิบัติ “รัศมี” ก็คือ “อำนาจ” ในภาษาอาหรับ “นูร” คือ รัศมี และใช้ในความหมายว่า “อำนาจ” ด้วย

มีนักวิทยาศาสตร์จากสวีเดนได้ทำวิจัยโดยใช้กล้องถ่ายรัศมีหรือความร้อนที่ออกจากร่างกายมนุษย์ โดยคัดเลือกชาวยุโรปจากหลายๆประเทศมาวิจัย พบว่าความร้อนที่ออกจากร่างกายต่ำมาก อ.อะหมัด ดีดัต (นักเผยแผ่อิสลามที่มีความเชี่ยวชาญในการโต้เถียงกับคริสต์) ได้อ่านงานวิจัยนี้ ท่านก็ได้ไปพบนักวิทยาศาสตร์ที่ทำวิจัยนี้ให้มาถ่ายรัศมีที่ตัวท่านเอง ปรากฏว่ารัศมีที่ถ่ายได้สูงมาก และเมื่อท่านไปละหมาดและอ่านอัลกุรอาน แล้วกลับมาให้นักวิจัยถ่ายรัศมีจากตัวท่านอีก ก็พบว่ารัศมียิ่งสูงขึ้นกว่าเดิมอีก อ.อะหมัด ดีดัต ได้อธิบายว่า ที่พวกท่านไปถ่ายรัศมีของชาวยุโรปนั้นไม่มีรัศมี เพราะรัศมีของอัลลอฮฺที่จะต้องปรากฏในชีวิตด้วยอีมานกับการกระทำนั้นมันดับไปหมดแล้ว แม้กระทั่งชาวคริสต์ที่มีความศรัทธาในศาสนาของตนตามประเพณี เรื่องจริยธรรมมารยาทของศาสนาไม่มีเหลือแล้ว มีเพียงมุสลิมเท่านั้นที่ยังมีโอกาสยืนหยัดในบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าให้ปรากฏโดยสายตา ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่อ่านและศึกษากันเท่านั้น โดยไม่ได้ปรากฏในชีวิตของเรา

อัลกุรอานนั้นมีคุณค่าในตัว เราต่างหากที่จะเป็นผู้ทำลายคุณค่านั้น เมื่อเราศึกษาซูเราะตุนนูรก็ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า อันนูรคือรัศมี อันหมายถึงอำนาจแห่งบทบัญญัติของอัลลอฮฺในชีวิตของเรา ที่จะครอบคลุมถึงทุกประเด็นในชีวิต ตั้งแต่เข้าบ้านก็ให้กล่าวสลาม, ซินา, การใส่ร้าย, มารยาทในครอบครัว, การแต่งตัว หากว่าเราละทิ้งหรือไม่ปฏิบัติ เราก็จะไม่ได้รับรัศมีของอัลกุรอาน

 


เรียบเรียงจาก ตัฟซีรซูเราะตุนนูร ครั้งที่ 1, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี, 24 ธ.ค.46