พระเจ้าของเราคือใคร ??

Submitted by admin on Tue, 16/12/2014 - 23:00
 
พระเจ้าที่แท้จริงนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผลผลิตจากความอ่อนแอของเรา หรือเป็นสิ่งที่จินตนาการของเราอุปโลกน์ขึ้นมา พระเจ้าที่แท้จริงนั้นจะต้องเป็นพระเจ้าที่คู่ควรสักการะบูชา เป็นพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างสากลจักรวาลชั้นฟ้าและแผ่นดิน เป็นผู้ควบคุมและอภิบาลสรรพสิ่งทั้งหลาย
 
พระเจ้าที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ที่ไม่ทอดทิ้งเรา ติดต่อเรา บอกเรื่องราวแก่เรา ชี้ทางเดินของชีวิตแก่เรา พระเจ้าที่แท้จริงนั้นจะไม่มีวันที่จะทอดทิ้งบ่าวของพระองค์โดยปราศจากแสงสว่างชี้ทาง จะไม่มีวันทอดทิ้งมนุษยชาติโดยมิได้อธิบายถึงวิถีการดำเนินชีวิต พระเจ้าที่แท้จริงนี้อยู่ที่ไหน??
 
แท้จริงแล้วความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลและการคิดอย่างมีตรรกะและถูกต้องนั้นย่อมจะทำให้มนุษย์นั้นประจักษ์กับความจริง เป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ผู้แสวงหาความจริงจะหลงทางตราบใดที่เขายอมรับและนำตรรกะที่ถูกต้องมาใช้ในการค้นหาสัจธรรม
 
เรามีความสามารถที่จะอ่าน ค้นหา ค้นคว้า ศึกษาหาความรู้มิใช่หรือ??
เราเคยสักครั้งไหมที่จะถามตัวเราเองว่า “มีพระเจ้าอื่นอีกไหมนอกจากวัตถุรูปปั้นหรือเทวรูปที่เรากำลังพึ่งพิงเคารพบูชาสักการะอยู่?? มีพระเจ้าอื่นไหมนอกจากมนุษย์บางคนที่อ่อนแอเจ็บป่วยเช่นเดียวกับเราแต่เรากลับเคารพบูชาให้ความศักดิ์สิทธิ์กับมัน??.
เราเคยสักครั้งไหมที่จะถามตัวเองว่า “มีใครไหมที่ยินยอมน้อมรับ พึ่งพิงและขอความช่วยเหลือพระเจ้าที่แท้จริง”?? มีใครอื่นไหมที่กำลังบูชาสักการะพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างสากลจักรวาลทั้งมวล??พวกเขาเป็นใคร??”
เราเคยถามตัวเองไหมว่า “สัจธรรมจะอยู่กับคนที่บูชาวัวหรือ ?”
เราเคยถามตัวเองไหมว่า “สัจธรรมจะอยู่กับคนที่สักการะมนุษย์ด้วยกันหรือ??”
เราเคยถามตัวเองไหมว่า “เป็นไปได้หรือที่สัจธรรมจะอยู่กับชาวบูชาไฟหรือพวกที่บูชาสิ่งอื่นๆที่อ่อนแอบนโลกใบนี้??”
เคยคิดถามตัวเองไหมว่า “เป็นไปได้หรือที่สัจธรรมจะอยู่กับคนที่บูชาสัญลักษณ์ ไม้กางเขน เครื่องรางหรือของขลังต่างๆ”??
 
ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่ามันสมองของมนุษย์ย่อมจะปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่กล่าวมานั้นคือผู้สร้างที่แท้จริงของจักรวาลทั้งมวล ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นคือผู้ที่สรรสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน สร้างดวงดาว ระบบสุริยะจักรวาลอย่างเป็นระบบ สร้างสรรพสิ่งต่างๆทั้งหลาย ปกครองและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล..แน่นอนแล้วว่ามันสมองของมนุษย์ย่อมสามารถคิดเรื่องง่ายๆนี้ได้!! สมองของมนุษย์ย่อมต้องรู้สึกสงสัยต่อข้อเท็จจริงต่างๆ เช่น บรรดาสิ่งนานาชนิดที่มนุษย์กำลังเรียกว่าพระเจ้านั้นต่างก็มีข้อบกพร่อง ต่างก็ต้องสูญสลายไปในที่สุดและจำต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปร่างและคุณสมบัติ และไม่มีคุณสมบัติความเป็นอมตะใดๆ
 
พระเจ้าแบบไหนกันที่ถูกตรึงกางเขน!!??
พระเจ้าแบบไหนกันที่ถูกเชือดโดยมนุษย์และนำไปเป็นอาหาร!!?? 
พระเจ้าแบบไหนกันที่ถูกเนรมิตขึ้นโดยน้ำมือมนุษย์จากเศษหินดินทรายก่อนที่จะเผชิญกับการผุกร่อนและล่มสลายไป!!??
สิ่งเหล่านี้หรือที่เราเรียกว่าพระเจ้า!!??สิ่งเหล่านี้หรือที่คู่ควรแก่การเคารพบูชา!!??
ถ้าอย่างนั้นแล้วเราต้องกลับมาทบทวนความคิดและตรรกะของเราใหม่!!??
ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราพยายามดับไฟที่กำลังลุกโชนในหัวใจเราด้วยการเติมเชื้อเพลิงเข้าไป!!??
แล้วเช่นนี้เราจะไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและตอบคำถามข้อข้องใจของเราได้อย่างไร!!??
 
เราทุกคนต่างก็ยอมรับแล้วว่า คำถามบางคำถาม ปัญหาบางปัญหาในโลกนี้ สามารถที่จะแก้ได้ด้วยวิธีง่ายๆ สามารถค้นพบคำตอบได้อย่างไม่ยาก แล้วทำไมเราไม่ทำให้ข้อสงสัยเรื่อง “การมีอยู่ของพระเจ้าและการสร้างสรรพสิ่ง” เป็นเรื่องง่ายที่สามารถหาคำตอบได้อย่างถูกต้องง่ายดาย??
 
ใช่!! ถ้าแม้นว่าเราได้สดับตรับฟังสักนิดถึงเสียงที่กำลังเรียกร้อง เสียงที่ไม่มีใครกล้าหาญที่เปล่งออกมา(ยกเว้นผู้ที่มีความสามารถทำอย่างที่กล่าวมานั้นจริง) เสียงนี้ดังก้องกังวานว่า :
 
“ข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้า”
“ข้าคือผู้ที่สร้างพวกเจ้า”
“ข้าคือผู้ที่ทำให้พวกเจ้าเกิดขึ้นมา”
“ข้าคือผู้ที่รู้เรื่องราวของพวกเจ้ามากที่สุด”
“ข้าคือผู้ที่สร้างสรรค์ชั้นฟ้าและแผ่นดิน ทั้งดวงดาว ต้นไม้พืชพันธุ์ต่างๆ ทั้งขุนเขาและทะเลทรายทั้งหลาย”
“ข้าคือผู้ที่สร้างมนุษย์ สร้างสัตว์ สร้างวิหค สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลและมหาสมุทร”
“ไม่มีสรรพสิ่งใดๆในชั้นฟ้าและแผ่นดิน เว้นแต่จะเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น และเป็นหลักฐานที่แสดงถึงอำนาจและการมีอยู่ของข้า”
“ข้ารู้ดีที่สุดว่าสิ่งใดที่ดีต่อพวกเจ้า สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้า ข้าได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมาเพื่อทดสอบว่าพวกเจ้าจะเคารพบูชาข้าหรือไม่”
“ข้ามิได้สร้างพวกเจ้ามาโดยปราศจากจุดมุ่งหมายใด ข้ามิใดทอดทิ้งพวกเจ้าให้หลงทาง แต่ข้าได้ส่งบรรดาศาสนทูตยังพวกเจ้า ข้าได้ส่งสาสน์และคัมภีร์ต่างๆแก่พวกเจ้า เพื่อเป็นข้ออ้างในการสอบสวนพวกเจ้า จากนั้นพวกเจ้าจะกลับมายังข้า(หลังจากถูกทำให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวันปรโลก-ผู้แปล)เพื่อที่ข้าจะได้พิพากษาตัดสินระหว่างพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน”
 
เสียงเรียกร้องนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยหรือในหัวใจของท่าน!!??
เจ้าจะไม่สามารถที่จะปิดหูของเจ้ามิให้ได้ยินเสียงเรียกร้องที่กึกก้องดังกล่าวได้!!??
แท้จริงแล้วเสียงเรียกร้องนี้ได้เข้าไปยังหัวใจของเจ้าก่อนที่จะเข้าไปในหูของเจ้า!!
เจ้ากำลังเผชิญกับผู้ที่อ้างว่าเขาคือผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งหลาย เขากำลังกล่าวแก่เจ้าว่า เขาคือผู้ที่สรรสร้างเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง!!
 
เสียงเรียกร้องนี้ได้ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเรียกร้องนี้ได้ไปถึงทุกๆที่ ดังกึกก้องตลอดมาตั้งแต่สิบสี่ศตวรรษที่ผ่านมา..เสียงเรียกดังกล่าวดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ แผ่ขยายไปทุกที่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลง..เป็นเสียงเรียกที่มีคนยอมรับและศรัทธามันเป็นล้านๆ ทั้งบรรดาผู้มีความรู้ บรรดานักปราชญ์ นักคิด บรรดาอัจฉริยะบุคคลทั้งหลาย บรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงมีตำแหน่งในสังคม ทั้งคนธรรมดาสามัญ ทั้งคนยากจนและร่ำรวย ล้วนแล้วแต่ยินยอมและนอบน้อมต่อเสียงเรียกดังกล่าว แล้วเจ้าล่ะ??
เจ้าเคยคิดไหมว่าทำไมจึงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะประกาศว่าเขาคือผู้สร้างดวงดาวและท้องฟ้า??
เคยคิดไหมว่าทำไมถึงไม่เคยมีใครท้าท้ายเสียงเรียกดังกล่าว??
ทำไมไม่เคยมีใครกล้าอ้างตัวว่าเขาคือผู้สร้างโลกนี้ สร้างภูเขา สร้างทะเลและมหาสมุทร??
หรือเป็นเพราะไม่มีใครมีอำนาจที่จะทำตามที่เขาอ้างได้ยกเว้นพระเจ้าที่แท้จริงเท่านั้น??
แล้วพระเจ้าองค์นั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า??
ทำไมเจ้าถึงไม่คิด ไม่ตรึกตรองดู??
 
มันเป็นเสียงเรียกที่เป็นเอกะ มันเป็นเสียงเรียกที่เป็นเอกลักษณ์ มันเป็นเสียงเรียกที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน มันเป็นเสียงเรียกที่ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย มันเป็นเสียงเรียกที่ไม่มีสิ่งใดมาร่วมเป็นภาคี..
 
เสียงเรียกของพระเจ้าที่แท้จริง เสียงเรียกของพระองค์ผู้ซึ่งกล้าประกาศว่า พระองค์คือผู้ที่สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งหลาย พระองค์คือผู้สร้างมนุษย์ พระองค์คือผู้ให้ปัจจัยชีวิต พระองค์คือผู้บริหารและอภิบาลสากลจักรวาลทั้งมวล พระองค์คือผู้ควบคุมชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ไม่เพียงแต่ประกาศเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงบัญญัติหลักการต่างๆให้เราเดินตามและเรียกร้องเราให้ปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นบ่าวที่ดี พระองค์บอกเราว่าการที่เราทำหน้าที่ที่พระองค์ทรงสั่ง นั่นแหละคือหนทางสำเร็จบนโลกนี้ นั่นแหละคือหนทางที่ปลอดภัยจากการลงโทษและหนทางของการตอบแทนจากพระองค์ในโลกหน้า…
 
โลกหน้าหรือ?? วันปรโลกหรือ?? มีโลกหน้าด้วยหรือ?
มีการฟื้นคืนชีพหลังจากความตายด้วยหรือ?
มีการสอบสวน มีการตอบแทน มีการลงโทษในสิ่งที่เรากระทำในโลกนี้ด้วยหรือ??
 
ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เสียงเรียก” ดังกล่าวได้ตอกย้ำและยืนยันว่า “แท้จริงแล้วโลกนี้มิใช่อื่นใดเลย หากเปรียบเสมือนการเริ่มต้นของชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์หลังจากนั้นมนุษย์จะมีชีวิตที่นิรันดร ชีวิตที่ไม่มีวันตาย ชีวิตที่ไม่มีวันสูญสลาย มนุษย์จะมีชีวิตที่เป็นอมตะอยู่ในความสุขนิรันดร์ หรือมิเช่นนั้นก็ทุกข์ตลอดกาล...
 
มันเป็นชีวิตที่มนุษย์จะได้ประสบกับการตอบแทนการงานของเขาที่ได้กระทำมาบนโลกนี้?? มันเป็นชีวิตที่มนุษย์จะได้รับผลลัพธ์อันดีงามในสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติและยืนหยัดในสัจธรรม?? มันเป็นชีวิตที่มนุษย์จะได้รับสิ่งตอบแทนอันหอมหวานในสิ่งที่เขาได้เผยแพร่...เป็นชีวิตที่จะทดสอบว่าพวกเจ้าได้พยายามค้นหาแสงสว่างทางนำและกระตือรือร้นในการแสวงหาหนทางแห่งความจริงหรือไม่?? หรือพวกเจ้าชักช้าในการแสวงหาหลักฐานที่จะนำไปสู่สัจธรรม??หรือพวกเจ้าปล่อยชีวิตและยอมให้จุดจบของพวกเจ้าเป็นไปตามยถากรรม ตามประเพณี ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษของพวกเจ้าโดยมิได้ไตร่ตรองสักนิดว่าพวกเขาอยู่ในสัจธรรมหรือไม่??
 
เคยคิดบ้างไหมว่าเรากำลังอยู่กับสิ่งหลอกลวง..เคยคิดบ้างไหมว่าเรากำลังมีชีวิตที่หลงทางและไร้คุณค่า..มิใช่เรื่องยากเลยหากเราต้องการรู้ว่าเราหลงทางมากมายขนาดไหน!! 
 
เจ้าจงตรึกตรองรูปปั้นที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
เจ้าจงตรึกตรองเทวรูปที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
เจ้าจงตรึกตรองบรรดามนุษย์หรือสัตว์ที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
เจ้าจงตรึกตรองก้อนหินที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
เจ้าจงตรึกตรองต้นไม้ที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
เจ้าจงตรึกตรองกรวดหินดินทรายที่เจ้ากำลังบูชาอยู่แล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าหลงทางมากมายขนาดไหน!!??
 
สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างและอุตริขึ้นมาและถูกแต่งตั้งให้เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเจ้าขอพรจากมัน ขอความช่วยเหลือจากมัน พึ่งพามัน ขอการปกป้องคุ้มครองจากมัน!! ในขณะที่พวกเจ้ารู้และสำนึกอยู่เต็มอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยที่จะประกาศว่าพวกมันคือผู้สร้าง ผู้ทำให้เกิด ผู้สรรสร้างจักรวาลทั้งมวล ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ ผู้ควบคุมสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งเล็กและใหญ่ พวกมันไม่มีอำนาจแม้แต่จะเอ่ย แม้เพียงตัวอักษรเดียว..แต่ไฉนเลยพวกมันซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกสร้างแต่พวกเจ้ากลับเคารพบูชามัน ให้ตำแหน่งมันเสมือนเป็นผู้สร้าง!! แต่พระเจ้าผู้สร้างที่แท้จริงพวกเจ้ากลับละทิ้ง ละเลย ปฏิเสธ!!??  แต่กับผู้ที่เรียกร้องและเชิญชวนพวกเจ้าสู่พระเจ้าที่แท้จริงนั้น พวกเจ้ากลับเพิกเฉย พวกเจ้ากลับไม่รู้จักเขา ไม่เคยคิดแม้แต่จะค้นหาว่าเขาคือใคร? ไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้สิ่งที่เขาได้นำมายังพวกเจ้า??
 
 “มุฮัมมัดเป็นรอซูล(ศาสนทูต)ของอัลลอฮฺ” (48 : 29)
 

ที่มา : หนังสือความจริงที่ยิ่งใหญ่, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง