คุฏบะตุลวะดาอฺ (ฮัจญ์อำลา)

Submitted by dp6admin on Mon, 06/04/2009 - 20:38

คุฏบะตุลวะดาอฺ (ฮ.ศ. 10)

 

خطبة الوداع في حجة الإسلام  

العام العاشر للهجرة .

เชคริฎอ อะหมัด สมะดี

ความสำคัญของคุฏบะตุลวะดาอฺ 

     เป็นประกาศสุดท้ายของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับหลักการของศาสนา ซึ่งได้ระบุถึงประเด็นสำคัญที่มุสลิมต้องห่วงใยในชีวิตของตน คือ

  • ความมั่นคงแห่งประชาชาติ

  • ความมั่นคงและความปลอดภัยในสังคม

  • ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิทธิของผู้ยากจน

  • ความเสมอภาคและหน้าที่ของผู้ปกครอง

  • สิทธิของสตรี

  • สิทธิของมุสลิมต่อมุสลิม

สถานที่คุฏบะฮฺ

 

หัวข้อเรื่อง: การปราศรัยอำลาในวันอะเราะฟะฮฺ, ฮัจญฺอำลา (ปี ฮ.ศ.10), อะเราะฺฟะฮฺ, ฮัจญะตุ้ลวะดาอฺ, ฮัจญะตุ้ลอิสลาม

 

 

คุฏบะตุลวะดาอฺ

 

 

أَيّهَا النّاسُ اسْمَعُوا قَوْلِي ، فَإِنّي لَا أَدْرِي لَعَلّي لَا أَلْقَاكُمْ بَعْدَ عَامِي هَذَا بِهَذَا الْمَوْقِفِ أَبَدًا

 

โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงฟังคำพูดของฉัน แท้จริงฉันไม่รู้ว่าฉันจะพบกับพวกท่านภายหลังปีนี้และอื่นจากสถานที่นี้ต่อไปหรือไม่

أَيّهَا النّاسُ إنّ دِمَاءَكُمْ وَأَمْوَالَكُمْ عَلَيْكُمْ حَرَامٌ إلَى أَنْ تَلْقَوْا رَبّكُمْ كَحُرْمَةِ يَوْمِكُمْ هَذَا ، وَكَحُرْمَةِ شَهْرِكُمْ هَذَا ، وَإِنّكُمْ سَتَلْقَوْنَ رَبّكُمْ فَيَسْأَلُك عَنْ أَعْمَالِكُمْ وَقَدْ بَلّغْت ، فَمَنْ كَانَ عِنْدَهُ أَمَانَةٌ فَلْيُؤَدّهَا إلَى مَنْ ائْتَمَنَهُ عَلَيْهَا ،

 

โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงชีวิตของพวกท่านและทรัพย์สินของพวกท่านเป็นสิ่งที่ต้องห้ามแก่พวกท่านซึ่งกันและกัน จนกว่าพวกท่านจะพบพระผู้อภิบาลของพวกท่าน (การต้องห้ามนั้น)เหมือนการต้องห้ามของวันของพวกท่านนี้(วันอะรอฟะฮฺ)และเหมือนการต้องห้ามของเดือนของพวกท่านนี้(คือเดือนซุลฮิจญะฮ) และแท้จริงพวกท่านจะพบพระเจ้าของพวกท่าน และพระองค์จะทรงถามพวกท่านในการกระทำของพวกท่าน สำหรับฉันก็ได้แจ้งพวกท่านแล้ว ดังนั้นใครในหมู่พวกท่านมีอะมานะฮฺ(หน้าที่หรือความรับผิดชอบ)ก็จงดำรงไว้กับเจ้าของอะมานะฮฺนั้นๆ

وَإِنّ كُلّ رِبًا مَوْضُوعٌ وَلَكِنْ لَكُمْ رُءُوسُ أَمْوَالِكُمْ لَا تَظْلِمُونَ وَلَا تُظْلَمُونَ . قَضَى اللّهُ أَنّهُ لَا رِبَا ، وَإِنّ رِبَا عَبّاسِ بْنِ عَبْدِ الْمُطّلِبِ مَوْضُوعٌ كُلّهُ وَأَنّ كُلّ دَمٍ كَانَ فِي الْجَاهِلِيّةِ مَوْضُوعٌ وَإِنّ أَوّلَ دِمَائِكُمْ أَضَعُ دَمُ ابْنِ رَبِيعَةَ بْنِ الْحَارِثِ بْنِ عَبْدِ الْمُطّلِبِ ، وَكَانَ مُسْتَرْضَعًا فِي بَنِي لَيْثٍ فَقَتَلَتْهُ هُذَيْلٌ فَهُوَ أَوّلُ مَا أَبْدَأُ بهِ مِنْ دِمَاءِ الْجَاهِلِيّةِ

 

แท้จริงริบาอฺทุกชนิดถูกยกเลิก แต่พวกท่านมีสิทธิในต้นทุนของทรัพย์สินของพวกท่านเท่านั้น โดยที่พวกท่านไม่ต้องอธรรมผู้อื่นและพวกท่านจะไม่ถูกอธรรม อัลลอฮฺทรงพิพากษาว่าไม่อนุญาตให้มีริบาอฺใดๆโดยเด็ดขาด และแท้จริงริบาอฺของอับบาสอิบนุอับดุลมุฏฏอลิบถูกยกเลิกทั้งสิ้น และชีวิตที่ถูกละเมิดและต้องลงโทษผู้ละเมิดของสมัยญาฮิลียะฮฺถูกยกโทษทั้งสิ้น และชีวิตแรกที่ฉันจะยกโทษผู้ละเมิดก็คือ ชีวิตของอิบนุรอบีอะฮฺ อิบนุฮาริษ อิบนุอับดุลมุฏฏอลิบ ซึ่งเป็นทารกที่อยู่ในการดูแลของเผ่าบนีลัยษฺ โดยเผ่าหุซัยนฺได้ฆ่าเขา นั่นคือสิ่งแรกที่จะเริ่มยกเลิกในบรรดาชีวิตที่ถูกละเมิดในสมัยญาฮิลียะฮฺ

أَمّا بَعْدُ أَيّهَا النّاسُ فَإِنّ الشّيْطَانَ قَدْ يَئِسَ مِنْ أَنْ يُعْبَدَ بِأَرْضِكُمْ هَذِهِ أَبَدًا ، وَلَكِنّهُ إنْ يُطَعْ فِيمَا سِوَى ذَلِكَ فَقَدْ رَضِيَ بِهِ بِمَا تُحَقّرُونَ مِنْ أَعْمَالِكُمْ فَاحْذَرُوهُ عَلَى دِينِكُمْ أَيّهَا النّاسُ إنّ النّسِيءَ زِيَادَةٌ فِي الْكُفْرِ يُضَلّ بِهِ الّذِينَ كَفَرُوا ، يُحِلّونَهُ عَامًا وَيُحَرّمُونَهُ عَامًا ، لِيُوَاطِئُوا عِدّةَ مَا حَرّمَ اللّهُ فَيُحِلّوا مَا حَرّمَ اللّهُ وَيُحَرّمُوا مَا أَحَلّ اللّهُ . إنّ الزّمَانَ قَدْ اسْتَدَارَ كَهَيْئَتِهِ يَوْمَ خَلَقَ اللّهُ السّمَوَاتِ وَالْأَرْضَ وَإِنّ عِدّةَ الشّهُورِ عِنْدَ اللّهِ اثْنَا عَشَرَ شَهْرًا ، مِنْهَا أَرْبَعَةٌ حُرُمٌ ثَلَاثَةٌ مُتَوَالِيَةٌ وَرَجَبُ مُضَرَ ، الّذِي بَيْنَ جُمَادَى وَشَعْبَانَ .

 

โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงชัยฏอนได้สิ้นหวังที่มันจะถูกบูชาบนแผ่นดินของพวกเจ้านี้โดยเด็ดขาด แต่มันยังมีความหวังในสิ่งที่ต่ำกว่านั้น โดยแน่นอนมันพอใจที่พวกท่านกระทำความชั่วเล็กน้อย ดังนั้นพวกท่านจงระวังมัน(มิให้ทำลาย)ต่อศาสนาของพวกท่าน

 

โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงการเลื่อนเปลี่ยนแปลงเดือนที่ต้องห้ามเป็นการเพิ่มการปฏิเสธศรัทธาและเป็นแนวที่จะทำให้ผู้ปฏิเสธศรัทธายิ่งหลงผิด พวกเขาจะยกเลิกการต้องห้ามปีหนึ่งและจะห้ามอีกปีหนึ่ง เพื่อจะได้ให้จำนวนเดือนที่เขาได้เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับจำนวนเดือนที่อัลลอฮฺทรงห้าม เพื่อเป็นแนวทางในการเปลี่ยนข้อห้ามให้เป็นข้ออนุญาต และข้ออนุญาตให้เป็นข้อห้าม

 

แท้จริงเวลาได้หมุนเวียนถึงสภาพเดิมที่อัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินไว้ และแท้จริงจำนวนเดือน ณ ที่อัลลอฮฺคือสิบสองเดือน ส่วนหนึ่งเป็นสี่เดือนที่ต้องห้าม สามเดือนติดต่อกัน(ซุลเกะอฺดะฮฺ ซุลฮิจญะฮฺ และมุฮัรรอม) และรอญับมุฎ็อร(หมายถึงปฏิทินของมุฎ็อร)ซึ่งอยู่ระหว่างญุมาดากับชะอฺบาน(เพราะมีอาหรับบางกลุ่มที่ถึงเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่สี่ นบีจึงระบุเดือนรอญับของมุฎ็อรเพราะสอดคล้องกับการกำหนดของอัลลอฮฺ)

أَمّا بَعْدُ أَيّهَا النّاس ، فَإِنّ لَكُمْ عَلَى نِسَائِكُمْ حَقّا ، وَلَهُنّ عَلَيْكُمْ حَقّا ، لَكُمْ عَلَيْهِنّ أَنْ لَا يُوطِئْنَ فُرُشَكُمْ أَحَدًا تَكْرَهُونَهُ وَعَلَيْهِنّ أَنْ لَا يَأْتِينَ بِفَاحِشَةٍ مُبَيّنَةٍ فَإِنْ فَعَلْنَ فَإِنّ اللّهَ قَدْ أَذِنَ لَكُمْ أَنْ تَهْجُرُوهُنّ فِي الْمَضَاجِعِ وَتَضْرِبُوهُنّ ضَرْبًا غَيْرَ مُبَرّحٍ فَإِنْ انْتَهَيْنَ فَلَهُنّ رِزْقُهُنّ وَكُسْوتُهُنّ بِالْمَعْرُوفِ وَاسْتَوْصُوا بِالنّسَاءِ خَيْرًا ، فَإِنّهُنّ عِنْدَكُمْ عَوَانٌ لَا يَمْلِكْنَ لِأَنْفُسِهِنّ شَيْئًا ، وَإِنّكُمْ إنّمَا أَخَذْتُمُوهُنّ بِأَمَانَةِ اللّهِ وَاسْتَحْلَلْتُمْ فُرُوجَهُنّ بِكَلِمَاتِ اللّهِ فَاعْقِلُوا أَيّهَا النّاسُ قَوْلِي ، فَإِنّي قَدْ بَلّغْت 

 

โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงพวกท่านมีสิทธิต่อบรรดาสตรีของพวกท่านและพวกเธอก็มีสิทธิต่อพวกท่าน พวกท่านมีสิทธิต่อพวกเธอมิให้ใครมานั่งบนที่นอนของพวกท่านโดยที่พวกท่านรังเกียจ และเป็นสิทธิต่อพวกเธอว่ามิให้ประกอบสิ่งลามกที่ชัดเจนโดยเด็ดขาด หากพวกเธอได้กระทำแท้จริงอัลลอฮฺทรงอนุญาตให้พวกท่านทอดทิ้งพวกเธอในที่นอนของพวกท่าน และให้พวกท่านตีพวกเธอโดยไม่รุนแรง หากพวกเธอได้ยุติ(ความชั่ว)พวกเ ธอก็มีสิทธิปัจจัยยังชีพและเครื่องนุ่งห่มอาภรณ์(จากพวกท่าน)ตามที่ยอมรับกัน และพวกท่านจงรักษาดูแลบรรดาสตรีอย่างดี แท้จริงพวกเธอเสมือนเชลยศึกที่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกท่าน พวกเธอไม่สามารถช่วยตัวพวกเธอเองได้เลย และแท้จริงพวกท่านได้ครองพวกเธอด้วยหน้าที่ที่ถูกมอบมาจากอัลลอฮฺ และพวกท่านได้รับอนุญาตต่ออวัยวะเพศของพวกเธอด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงเข้าใจคำพูดของฉัน โอ้มนุษย์ทั้งหลาย โดยแน่นอนฉันได้แจ้งพวกท่านแล้ว

 

 وَقَدْ تَرَكْت فِيكُمْ مَا إنْ اعْتَصَمْتُمْ بِهِ فَلَنْ تَضِلّوا أَبَدًا ، أَمْرًا بَيّنًا ، كِتَابَ اللّهِ وَسُنّةَ نَبِيّهِ . أَيّهَا النّاسُ اسْمَعُوا قَوْلِي وَاعْقِلُوهُ تَعَلّمُنّ أَنّ كُلّ مُسلِمٍ أَخٌ لِلْمُسْلِمِ وَأَنّ الْمُسْلِمِينَ إخْوَةٌ فَلَا يَحِلّ لِامْرِئٍ مِنْ أَخِيهِ إلّا مَا أَعْطَاهُ عَنْ طِيبِ نَفْسٍ مِنْهُ فَلَا تَظْلِمُنّ أَنْفُسَكُمْ اللّهُمّ هَلْ بَلّغْت ؟ فَذُكِرَ لِي أَنّ النّاسَ قَالُوا : اللّهُمّ نَعَمْ فَقَالَ رَسُولُ اللّهِ صَلّى اللّهُ عَلَيْهِ وَسَلّمَ " اللّهُمّ ا شْهَدْ

 

โดยแน่นอน ฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งที่หากพวกท่านได้ยึดมั่นพวกท่านจะไม่หลงผิดเป็นอันขาด เป็นสิ่งที่ชัดแจ้งคือ กิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺของนบีของพระองค์ โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงฟังคำพูดของฉันและจงเข้าใจคำพูดดังกล่าว พวกท่านรู้ดีว่ามุสลิมทุกคนเป็นพี่น้องต่อมุสลิม และแท้จริงบรรดามุสลิมีนทั้งหลายเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตโดยเด็ดขาด(ในทรัพย์สิน)ของผู้อื่นนอกจากสิ่งที่ผู้อื่นนั้นได้ให้ด้วยความสมัครใจ ดังนั้นพวกท่านอย่าอธรรมตัวเอง โอ้อัลลอฮฺหากใช่ฉันได้แจ้งพวกเขาแล้ว ผู้ฟังได้ตอบว่า โอ้อัลลอฮฺใช่แล้ว นบีจึงกล่าว โอ้อัลลอฮฺ ขอให้พระองค์ทรงเป็นสักขีพยาน?

 

 


วันที่ลงบทความ : 14 ก.ย. 49

ฟังรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 2548-06-05 คุตบะตุ้ลวะดาอฺ (บ้านทองทา).mp3