ชิรกฺ (การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) (สู่อีมานที่มั่นคง 8)

Submitted by admin on Sat, 12/03/2016 - 13:44
สู่อีหม่านที่มั่นคง 8 ตอน ชิรกฺ (การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) - อิคลาศ
 
อีหม่านที่มั่นคงของเราต้องการสองประการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ระบุไว้ในสูเราะฮฺอัล-บาเกาะเราะฮฺ ว่า 
 
﴿فَمَن يَكۡفُرۡ بِٱلطَّٰغُوتِ وَيُؤۡمِنۢ بِٱللَّهِ فَقَدِ ٱسۡتَمۡسَكَ بِٱلۡعُرۡوَةِ ٱلۡوُثۡقَىٰ ٢٥٦ ﴾ [البقرة: ٢٥٦]  
ซึ่งมีความหมายว่า “ใครก็ตามที่ปฏิเสธภาคีที่ถูกอ้างอิงกับพระองค์ อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา และศรัทธาในอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เท่านั้น บุคคลเหล่านั้น คือบุคคลที่ยึดมั่นในสายเชือกหรือในอีหม่านที่มั่นคง" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 256)
 
อีหม่านที่มั่นคงไม่ใช่เพียงแต่อีหม่านต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เพียงอย่างเดียว ดังที่เราเคยอธิบายคำกล่าว "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ" ซึ่งจะมีความหมายว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา" 
บรรดาอุละมาอ์กล่าวว่าว่า "การกล่าว 'ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ' จะมีสองประเภท ประเภทแรกก็คือ การยืนยันว่าอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา มีองค์เดียว และประการที่สองคือ การปฏิเสธผู้อื่นที่ถูกอ้างอิงว่าเป็นพระเจ้า”
 
ดังนั้นการที่เราจะสร้างอีหม่านที่มั่นคงนั้นต้องมีเงื่อนไขอันสำคัญมาก คือการยืนยันการปฏิเสธว่าไม่มีพระเจ้าอื่น ไม่มีพระเจ้าที่สมควรได้รับการเคารพภักดี บูชาสักการะ นอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตราบใดที่มีคนหนึ่งคนใดมีอีหม่านต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา และอีหม่านของเขานั้นไปปะปน ไปผสมกับการศรัทธาในภาคีที่ถูกอ้างอิงว่าเป็นพระเจ้ากับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลานั้น การที่จะศรัทธาในผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ถือว่าเป็นชิริก
 
คำว่า “ชิริกฺ” ในภาษาอาหรับก็มาจาก (شَرِكَ : يَشْرَكُ) หรือ (أَشْرَكَ : يُشْرِكُ) หมายถึงว่า ผสม หรือ นำผสมกับสิ่งอื่น ปะปนกัน นั่นก็คือ ลักษณะของตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ 
ดังนั้นความบริสุทธิ์ของอีหม่านที่มั่นคงนั้น ก็คือ การที่เราจะมีอีหม่านอย่างเดียว คืออีหม่านที่บริสุทธิ์ อีหม่านศรัทธาในอัลลอฮฺ สุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น  โดยที่ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะมาปะปนกับอีหม่านของเรา ต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา 
 
เราทราบกันดีว่า การที่เราจะอิบาดะฮฺ เคารพสักการะต่ออัลลอฮฺ ต้องเป็นอิบาดะฮฺ ต้องเป็นการเคารพภักดีที่บริสุทธิ์ ที่มีอิคลาศ มีความบริสุทธิ์ใจ ที่มีความมุ่งมั่นสู่พระเจ้าองค์เดียว ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้นำศาสนาอัลอิสลาม โดยให้บรรดาผู้ศรัทธานั้นได้ปฏิบัติศาสนกิจต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา องค์เดียว และในขณะเดียวกัน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็สอนบรรดาผู้ศรัทธา ให้รักษา อนุรักษ์การปฏิบัติศาสนกิจนั้นให้ปฏิบัติต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา องค์เดียว และพยายามไม่ให้มีการตั้งชิริกฺหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลานั้น เกิดขึ้นในชีวิตของมุสลิม แม้กระทั่งบางเรื่อง บางอย่างที่อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องปลีกย่อย แต่เรื่องเหล่านั้นอาจจะทำลายความศรัทธาที่จะมีอยู่ในจิตใจขอมุอ์มิน นั้นที่อุละมาอ์เรียกว่า 
أَنَّ الْإِسْلَامَ جَاءَ لِحِمَايَةِ جَنَابِ التَّوْحِيْدِ
ความว่า “อิสลามนั้นถูกนำมาเพื่อรักษาอีหม่านที่มั่นคง รักษาการให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา”
 
โดยที่อีหม่านของมุอ์มินนั้น ไม่บังควร หรือไม่อนุญาตเป็นอันขาดที่จะมีการตั้งภาคีกับพระองค์ อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ในซูเราะฮฺ อัซ-ซุมัร อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ระบุไว้ว่า 
﴿ وَلَقَدۡ أُوحِيَ إِلَيۡكَ وَإِلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبۡلِكَ لَئِنۡ أَشۡرَكۡتَ لَيَحۡبَطَنَّ عَمَلُكَ وَلَتَكُونَنَّ مِنَ ٱلۡخَٰسِرِينَ ٦٥ بَلِ ٱللَّهَ فَٱعۡبُدۡ وَكُن مِّنَ ٱلشَّٰكِرِينَ ٦٦ ﴾ [الزمر: ٦٤،  ٦٥]  
ความว่า “เป็นสิ่งที่ท่านได้รับวะหฺยูแน่นอนแล้ว พร้อมกับบรรดานบีและเราะสูลที่มาก่อนเจ้า (อัลลอฮฺพูดกับท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นวะหฺยู หรือเป็นคำสั่งสอนที่ท่านได้รับมาแล้วพร้อมกับบรรดานบีและเราะสูลทั้งหมด) ว่า ถ้าหากว่าเจ้าได้ทำชิริกฺ แน่นอน การกระทำ การงานของเจ้านั้น ก็จะมีการขาดทุน และจะถือว่าเป็นโมฆะ (หมายถึงเป็นการกระทำอะมาลที่ไม่มีคุณค่า) ดังนั้นสูเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู
 
อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา "และเป็นผู้ขอบคุณพระองค์เถิด” (อัซ-ซุมัร : 64-64) การที่มุอ์มินนั้นทำอิบาดะฮฺหรือเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะรักษาอีหม่าน รักษาการปฏิบัติศาสนกิจไม่ให้ปะปนกับชิริกฺ การตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นเรื่องที่ลำบากมากทีเดียว เพราะการที่เราจะทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นเพียงแต่การกระทำ แต่การที่จะรักษาอีหม่าน รักษาเจตนารมณ์ มิให้มุ่งสู่ผู้อื่น นอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นเรื่องจิตใจ เป็นเรื่องภายในที่อาจจะมีความยากลำบากที่จะควบคุมได้ ดังนั้นในกุรอานและในสุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงยืนยันว่า มุสลิมจำเป็นต้องรักษาอิคลาศ ความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ขณะที่กำลังทำอิบาดะฮฺ อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาทรงตรัสว่า 
 
﴿ وَمَآ أُمِرُوٓاْ إِلَّا لِيَعۡبُدُواْ ٱللَّهَ مُخۡلِصِينَ لَهُ ٱلدِّينَ ٥ ﴾ [البينة: ٥]  
ความว่า “และพวกเขามิได้ถูกใช้ให้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด นอกจากเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ” (อัล-บัยยินะฮฺ : 5)
 
หมายความว่า การปฏิบัติศาสนกิจ ถ้าไม่มีความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอิคลาศ ไม่มีความมุ่งมั่นสู่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ก็ถือว่าเป็นการเคารพภักดีที่ไม่มีคุณค่า และนั่นเป็นประเด็นหรือเป็นเงื่อนไข ที่ชัดเจนในหลักการของศาสนาอิสลาม 
 
การที่จะตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา มิใช่เพียงแต่กราบรูปเจว็ด หรือสุญูด และนำสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือวัตถุมาเคารพภักดี หรือมาให้ความสำคัญ ให้ความยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา มุสลิมบางคนนึกว่าชิริกฺ คือเอารูปเจว็ดมาตั้งที่บ้านหรือนำหน้าผากไปกราบต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นวัตถุ นั่นคือลักษณะชิริกฺที่ชัดเจน โดยที่มุสลิมทั่วไปจะเข้าใจอย่างแน่นอนว่ามันจะทำลายอีหม่านที่มั่นคง แต่จะมีชิริกฺบางอย่างที่เรียกว่า ชิริกฺลับ หมายถึง การตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในเชิงลับ ซึ่งมุสลิมส่วนมาก หรือบางคนที่อาจจะมีอีหม่านจะกระทำโดยไม่รู้สึกและนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมากต่ออีหม่านที่มั่นคงที่เราต้องการอนุรักษ์ หรือต้องการสร้างอย่างต่อเนื่องในชีวิตของเรา 
 
การที่จะตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา มันมีแนวทางที่เกี่ยวกับความเชื่อในผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา การให้ความสำคัญผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในการรักในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเท่ากับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือเหนือกว่า ดังที่ในกุรอานกล่าวว่า
 
﴿ وَمِنَ ٱلنَّاسِ مَن يَتَّخِذُ مِن دُونِ ٱللَّهِ أَندَادٗا يُحِبُّونَهُمۡ كَحُبِّ ٱللَّهِۖ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓاْ أَشَدُّ حُبّٗا لِّلَّهِۗ ١٦٥ ﴾ [البقرة: ١٦٥]  
ความว่า “และมีมนุษย์บางคนจะรักใคร่ หรือจะมีความรักต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดนอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ซึ่งความรักเหล่านั้นเท่าเทียมกับความรักที่เขาจะให้กับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือมากกว่าความรักที่จะมีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้น แน่นอนแล้วจะรักอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เหนือสิ่งอื่นใด” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 165)
 
ซึ่งความรักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตใจ บางคนอาจจะนึกว่า ชิริกฺ หรือการตั้งภาคี มันจะเกี่ยวกับอะไรความรัก ซึ่งความรักบางคนอาจจะไม่เข้าใจว่ามันเป็นอิบาดะฮฺ ได้อย่างไร แน่นอนว่าอิบาดะฮฺที่เราจะปฏิบัติต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา การปฏิบัติศาสนกิจนั้น มิใช่เพียงแต่การปฏิบัติด้วยอวัยวะของเรา แต่การปฏิบัติศาสนกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ก็คือการเคารพภักดีด้วยจิตใจภายใน ด้วยหัวใจของเรา
 
การที่เราจะรักอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาถือว่าเป็นอิบาดะฮฺชนิดหนึ่ง เป็นอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ และการที่เราจะรักสิ่งหนึ่งสิ่งใดพร้อมกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ก็ถือว่าเป็นลักษณะชิริกฺอย่างหนึ่ง  เรารักลูกหลาน ภรรยา สามี เรารักวัตถุที่มีอยู่ในโลกดุนยา อันนี้ไม่ผิด แต่การที่จะให้ความรักเหล่านั้น อยู่ในตำแหน่งเดียวกับการรักอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา โดยที่จะให้มีสิทธิเหนือกว่าสิทธิของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา นั่นก็คือระดับที่อันตรายแล้ว ถ้าหากว่าความรักต่อลูกจะทำให้เราหลงลืมศาสนา ความรักต่อสามี ต่อภรรยา จะให้หลงลืมต่อหลักการศาสนา ความรักต่อรถยนต์หรือบ้านหรือทรัพย์สินของเราให้มีความสำคัญเหนือกว่าการปฏิบัติศาสนกิจ การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา นั่นก็คือลักษณะชิริกฺอย่างหนึ่ง ที่เราต้องระมัดระวัง ต้องขับไล่จากจิตใจของเรา...
 

เรียบเรียงจาก สู่อีมานที่มั่นคง ครั้งที่ 8, ชัยคฺริฎอ อะหมัด สมะดี
ผู้เรียบเรียง อบูซัยฟุลลอฮฺ-อุมมุซัยฟุลลอฮฺ