บทบัญญัติสำหรับมุสลิมะฮฺ

Submitted by dp6admin on Tue, 07/04/2009 - 02:26

ข้อมูลต่อไปนี้ ถ้าเคยได้ยินเคยทราบแล้วก็ขอให้ยึดมั่น แต่ถ้าไม่เคยได้ยินก็ต้องทำใจ เพราะบางเรื่องของอิสลามไม่สามารถเข้าใจได้ นอกจากว่าต้องเชื่อมั่นต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺตะอาลาสร้างไว้ในดุนยามีความเหมาะสมที่สุด มีฮิกมะฮฺแน่นอน แต่การที่เรายึดระบบชีวิตของเราหรือคนอื่นตามประเพณีจนกลายเป็นสิ่งที่เคยชินไปแล้ว มันก็จะต่อต้านแนวทางอื่นที่เราไม่เคยคิดไม่เคยปฏิบัติไม่เคยดำเนินชีวิตตามแนวเหล่านั้น ก็จะสร้างความวุ่นวายสับสนมาสู่จิตใจเรา เราก็ต้องทำใจ..หมายถึงต้องนำอีมานมาใช้เป็นกฎเกณฑ์

มุกัลลัฟ คือ ผู้ที่ได้รับคำบัญชาจากอัลลอฮฺตะอาลาแล้วต้องปฏิบัติ คือจะต้องบรรลุศาสนภาวะ (อากิลบาลิฆ) ไม่อนุญาตให้บกพร่อง -- บทบัญญัติสำหรับมุกัลลัฟสำหรับผู้หญิง (เช่น การคลุมหิญาบ การคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ฯลฯ) ในทัศนะอิสลามเป็นลักษณะพิเศษในด้านที่ดีที่น่ายกย่อง แต่ตามทัศนะของตะวันตกหรือผู้ที่ไม่ได้ยึดอิสลามเป็นกฎเกณฑ์เห็นว่าเป็นความต่ำต้อย เป็นลักษณะที่ทำให้ผู้ชายเหนือกว่าสตรี

ทำไมบทบัญญัติสำหรับมุสลิมะฮฺจึงมีบางอย่างแตกต่างจากมุสลิมีน -- ตามวิชาฟิกฮฺของอิสลาม โดยทั่วไปทุกคำบัญชาจะเป็นคำสั่งคำห้ามสำหรับทั้งมุสลิมีนและมุสลิมะฮฺโดยไม่จำกัด ทุกคำสั่งจากอัลลอฮฺและร่อซูลทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะต้องปฏิบัติ ยกเว้นคำสั่งที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนว่า นี่เป็นคำสั่งพิเศษสำหรับผู้ชาย หรือเป็นคำสั่งพิเศษสำหรับผู้หญิง -- เช่น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่า "จงละหมาดเหมือนฉันละหมาด" -- ท่านนบีพูดกับทั้งชายและหญิง คือเป็นบทบัญญัติว่าทั้งชายและหญิงจะต้องละหมาดเหมือนท่านนบี -- ในมัซฮับฮานาฟีบอกว่า ผู้หญิงเวลาละหมาดต้องวางมือบนหน้าอก แต่ผู้ชายให้วางมือใต้สะดือ โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อให้ผู้หญิงปิดบังหน้าอกในขณะละหมาด โดยไม่มีหลักฐาน -- ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่า ขณะละหมาดท่านนบีวางมือบนหน้าอก และท่านนบีเป็นผู้ชาย นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำตามคำสั่งของท่านนบีทั้งชายและหญิง เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สั่งไว้ให้ละหมาดเหมือนที่ท่านละหมาดนั้น ท่านสั่งสำหรับชายหรือสำหรับหญิง แต่เป็นกฎเกณฑ์ในอิสลามสำหรับทุกคน

ในเรื่องผลบุญของอิบาดะฮฺก็เช่นกัน ชายหรือหญิงนั้นไม่มีใครประเสริฐกว่ากัน ผู้หญิงที่บริจาคหนึ่งบาท ก็ได้รับผลบุญเท่ากับผู้ชายที่บริจาคหนึ่งบาท, ผู้หญิงที่ละหมาดสองร็อกอะฮฺก็ได้รับผลบุญเช่นเดียวกับผู้ชายที่ละหมาดสองร็อกอะฮฺ, ผู้หญิงที่ละหมาดสองร็อกอะฮฺโดยสมบูรณ์ตามแบบฉบับท่านนบี ก็ย่อมได้รับผลบุญมากกว่าผู้ชายที่ละหมาดไม่สมบูรณ์

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "สำหรับภรรยานั้นมีสิทธิ เหมือนสิทธิที่ฝ่ายชายมีต่อภรรยา" ชายมีสิทธิอะไร ผู้หญิงก็มีเหมือนกัน แต่ผู้ชายจะมีตำแหน่งเดียวที่เหนือกว่าผู้หญิง ซึ่งอัลลอฮฺระบุไว้ในอัลกุรอาน "บรรดาผู้ชายจะเป็นผู้ปกครองผู้ดูแลสุภาพสตรี ด้วยตำแหน่งที่อัลลอฮฺตะอาลาให้แก่เขา คือตำแหน่งผู้ดูแลสุภาพสตรี" นอกนั้นเหมือนกันทุกอย่าง นี่เ ป็นเรื่องที่เราต้องเชื่อมั่นว่า ในอิสลามชายและหญิงเท่าเทียมกัน ยกเว้นบทบัญญัติที่ระบุชัดเจนว่าสำหรับชายหรือสำหรับหญิง

สำหรับมุสลิมะฮฺ อิสลามให้ความสำคัญในด้าน "การป้องกัน" มีหะดีษบันทึกโดยอิมามบุคอรียฺ -- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ฉันมิได้ทิ้ง (ไม่หวังว่าจะมี) ฟิตนะฮฺ (ความผิด, สาเหตุที่จะทำให้สังคมตกในสภาวะความผิด) ที่อันตรายที่สุดสำหรับประชาชาติของฉันมากกว่า (ฟิตนะฮฺจาก) บรรดาสตรี และฟิตนะฮฺแรก (ความผิด-มะอฺศิยัต) ที่เกิดขึ้นในบนีอิสรออีลอยู่ในกลุ่มของสตรี -- นี่เป็นข้อเท็จจริง ความสำคัญของสตรีในสังคม มากกว่าผู้ชาย ซึ่งเราเห็นได้จากในสังคมปัจจุบัน การโฆษณาการเชิญชวนให้คนซื้อสินค้าเรียกร้องความสนใจผู้คน ก็จะนำผู้หญิงมาเป็นสื่อ นี่ล่ะคือฟิตนะฮฺที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดถึง

ในซูเราะตุนนู้ร อัลลอฮฺตรัสไว้มีความหมายว่า "สำหรับผู้หญิงที่ทำซินา และผู้ชายที่ทำซินา จงลงโทษ ด้วยการโบย 100 ครั้ง" ส่วนคนที่ลักขโมย ในซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ อัลลอฮฺตรัสว่า "สำหรับผู้ชายที่ขโมยและผู้หญิงที่ขโมย ให้ตัดมือ" -- อุละมาอฺกล่าวว่า บทบัญญัติของผู้ที่ทำซินา อัลลอฮฺจะระบุผู้หญิงก่อน  ส่วนเรื่องการขโมย อัลลอฮฺจะระบุผู้ชายก่อน ซึ่งเมื่อเราดูจากข้อเท็จจริงในสังคมก็จะพบว่า เรื่องของการผิดเพศหรือผิดประเวณีมักจะเกิดในบรรดาสตรีมากกว่า ส่วนเรื่องการขโมยทรัพย์สิน ก็มักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่า -- จากตรงนี้จะทำให้เราเข้าใจถึงฮิกมะฮฺของศาสนาที่ต้องการจะ "ป้องกัน" ฟิตนะฮฺของผู้หญิง

จากหะดีษข้างต้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่า ฟิตนะฮฺแรกที่จะเกิดในประชาชาติของท่านมาจากสตรี ดังนั้นถ้าเราต้องการรักษาความสงบความปลอดภัยในสังคม ก็ต้องป้องกัน "สตรี" ด้วยการนำกฎหมายของอิสลาม ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มาจากผู้ที่ทรงสร้างสตรีคือ อัลลอฮฺตะอาลา พระองค์ย่อมรู้ว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับสตรี

เรื่องหลักที่สำคัญที่สุดสำหรับบรรดาสตรีที่อิสลามบัญญัติไว้ในการป้องกันคือ หิญาบ ในอัลกุรอานไม่มีคำสั่งที่อัลลอฮฺเจาะจงพูดกับบรรดาสตรีและเน้นย้ำไว้ในหลายซูเราะฮฺนอกจากเรื่องหิญาบ ไม่ว่าจะเป็นซูเราะฮฺอัลอะหฺซาบ อันนูร อันนิซาอฺ ฯลฯ ทำให้เราเห็นความสำคัญของหิญาบ เพราะฟิตนะฮฺที่เกิดจากผู้หญิงอยู่ที่ "ร่างกาย" และอัลลอฮฺตะอาลาได้ทำให้หิญาบเป็นสัญลักษณ์ของมุสลิมะฮฺ ของผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้หญิงที่ประกาศว่านางต้องการเป็นสมาชิกของสังคมในการป้องกันและดูแลสังคม เพราะนางรู้ว่าถ้านางไม่คลุมหิญาบก็จะสร้างฟิตนะฮฺ (ความวุ่นวาย) ในสังคม -- ผู้หญิงที่คลุมหิญาบเรียบร้อยไม่ว่าจะเปิดหน้าหรือปิดหน้าและไม่แต่งตัวสวยงาม เวลาเดินตามถนนจะสังเกตเห็นว่าไม่มีใครจะมอง เพราะฟิตนะฮฺถูกปิดบังด้วยบทบัญญัติของอัลอิสลาม คนทั่วไปรวมทั้งคนต่างศาสนิกที่มองเห็นจะให้ความเคารพผู้หญิงที่คลุมหิญาบและยังให้ความเคารพกฎเกณฑ์ของศาสนาที่ปรากฏในสังคมจากการแต่งกายของมุสลิมะฮฺ

 

 


เรียบเรียงจากการบรรยายของ เชคริฎอ อะหมัด สมะดี, ค่ายมุสลิมะฮ (15-06-2545)
วันที่ลงบทความ : 6 ก.ย. 50