หะดีษ 14-1 ไม่อนุมัติเลือดมุสลิม ยกเว้น 3 กรณี (ทำซินา)

عَنْ ابْنِ مَسْعُودٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ  قَالَ :  قَالَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم   : (( لاَ يَحِلُّ دَمُ امْرِئٍ مُسْلِمٍ إِلاَّ بِإِحْدَى ثَلاَثٍ   :الثَّـيِّبُ الزَّانِي ،  وَالنَّفْسُ بِالنَّفْسِ ،  وَالتَّارِكُ لِدِيِنِهِ الْمُفَارِقُ لِلْجَمَاعَةِ))
 رَوَاهُ الْبُخَارِيُّ وَمُسْلِمٌ

จากอิบนุมัสอู๊ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ไม่เป็นที่อนุมัติเลือดของมุสลิมคนหนึ่งๆ นอกจากสาเหตุหนึ่งในสามประการ (คือ) คนแต่งงานที่ผิดประเวณี, ผู้ที่ฆ่าคนจะต้องได้รับโทษด้วยการประหารชีวิต และผู้ที่ละทิ้งศาสนาของเขา(มุรตัด) แล้วปลีกห่างจากสังคม(ไปอยู่ในสังคมศัตรูอิสลาม)”  หะดีษนี้บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม

สาเหตุที่อนุญาตให้ละเมิดชีวิต (เพราะเป็นความผิดใหญ่หลวง และสร้างความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม)
1- คนแต่งงานแล้วที่ทำซินา
2- ผู้ที่ฆ่าคนจะต้องได้รับโทษด้วยการประหารชีวิต
3- ผู้ที่ออกจากอิสลามและประกาศตนเป็นศัตรู

الثَّـيِّبُ الزَّانِي
1- คนแต่งงานที่ผิดประเวณี (คนมีคู่ครองหรือเคยมี)
- บทลงโทษขว้างหิน สำหรับคนแต่งงานที่ผิดประเวณี

- คนที่ไม่เคยมีคู่ครองแล้วทำซินา บทลงโทษคือเฆี่ยน 100 ที แต่สำหรับคนมีคู่ครองหรือเคยมี แล้วทำซินา โทษคือประหารชีวิต
- คนที่แต่งงาน แต่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะลงโทษอย่างไร ?

•    القتلُ بكلِّ واحدةٍ مِنْ هذه الخصالِ الثَّلاثِ متَّفقٌ عليه بين المسلمين .أما زنى الثَّيِّبِ ، فأجمع المسلمون على أنَّ حَدَّه الرجمُ حتَّى يموتَ ، وقد رجم النَّبيُّ - صلى الله عليه وسلم – ماعزاً والغامدية .  ، وكان في القرآن الذي نسخ لفظه : (( والشَّيخُ والشَّيخَةُ إذا زَنيا فارجُموهُما البتة نكالاً من الله ، والله عزيز حكيم )).

- การทำซินาของคนมีคู่ครองแล้ว อุละมาอฺเอกฉันท์ว่าการลงโทษคือขว้างด้วยหินจนตาย ท่านนบีเคยปฏิบัติบทลงโทษนี้ (ผู้ชายชื่อมาอิซ ผู้หญิงจากเผ่าอัลฆอมิดียะฮ - การเตาบัตที่ยิ่งใหญ่ของคนที่ทำซินา เตาบัตของเขาเอาไปแบ่งให้คนอื่นได้อีก 70 คน)
- ทำไมต้องทรมานแบบนี้ ? เป็นบทบัญญัติที่อัลลอฮฺกำหนด อัลลอฮฺผู้ทรงเมตตายิ่งและรอบรู้ยิ่ง
- ในกุรอานเคยมีบทบัญญัติขว้างหิน ภายหลังสำนวนกุรอานถูกยกเลิก แต่บทบัญญัติยังใช้อยู่ เป็นการลงโทษจากอัลลอฮฺ
- ให้ลงโทษตามบทบัญญัติ อย่าสงสาร ???

•    وقد استنبط ابنُ عباسٍ الرَّجمَ مِنَ القرآن من قوله تعالى : { يَا أَهْلَ الْكِتَابِ قَدْ جَاءكُمْ رَسُولُنَا يُبَيِّنُ لَكُمْ كَثِيراً مِمَّا كُنْتُمْ تُخْفُونَ مِنَ الْكِتَابِ وَيَعْفُو عَنْ كَثِيرٍ }  ، قال : فمن كفر بالرَّجم ، فقد كفر بالقرآن من حيثُ لا يحتسب ، ثمَّ تلا هذه الآية ، وقال : كان الرجمُ مما أخفوا . خرَّجه النَّسائي ، والحاكم ، وقال : صحيحُ الإسناد .

อิบนุอับบาสถือว่า บทบัญญัติยังอยู่ในอัลกุรอาน โดยยกอายะฮฺนี้
5:15 บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย ! แท้จริงร่อซูลของเรา ได้มายังพวกเจ้าแล้ว โดยที่เขาจะแจกแจงแก่พวกเจ้า ซึ่งมากมายจากสิ่งที่พวกเจ้าปกปิดไว้จากคัมภีร์ และเขาจะระงับไว้มากมาย 
- เรื่องราวของชาวยิวที่ทำซินา แต่ไม่อยากลงโทษขว้างหิน จึงปกปิดและไปขอให้นบีมุฮัมมัดตัดสิน นบีก็ชี้ให้เห็นในเตารอตว่ามีบทลงโทษตามนี้เช่นกัน