- ผู้บิดพลิ้ว สร้างหลักฐานเท็จ กล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่น
- ชาวอันซอรคนหนึ่งถูกขโมยของไป เขากล่าวหาฏัวะมะฮฺว่าเป็นคนขโมย (ซึ่งเขาขโมยจริง) เมื่อฏัวะมะฮฺรู้ก็เอาของที่ขโมยมาไปโยนใส่บ้านคนอื่นแล้วบอกพรรคพวกเขา พรรคพวกก็ไปบอกนบีว่าฏัวะมะฮฺไม่ได้ขโมย คนที่ขโมยคืนคนนั้น มีของอยู่ที่บ้านเขา ขอให้ท่านนบีประกาศว่าฏัวะมะฮฺเป็นผู้บริสุทธิ์ นบีเชื่อและประกาศให้ อัลลอฮฺจึงประทานอายะฮฺนี้ลงมาเพื่อเปิดเผยความจริง
إِنَّا أَنزَلْنَا إِلَيْكَ الْكِتَابَ بِالْحَقِّ لِتَحْكُمَ بَيْنَ النَّاسِ بِمَا أَرَاكَ اللَّـهُ ۚ وَلَا تَكُن لِّلْخَائِنِينَ خَصِيمًا ﴿١٠٥﴾
105. แท้จริง เราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าเป็นความจริง เพื่อเจ้าจะได้ตัดสินระหว่างผู้คน ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงให้เจ้ารู้เห็น และเจ้าจงอย่าเป็นผู้เถียงแก้ให้แก่ผู้บิดพลิ้วทั้งหลาย (*1*)
(1) อย่าได้เถียงแก้ต่างให้แก่พวกของเจ้าที่เป็นผู้บิดพลิ้ว กล่าวคือสาเหตุแห่งการลงอายะฮ์นี้นั้น เนื่องจากมุสลิมชาวอันซอรคนหนึ่ง ชื่อ ฏัวะมะฮ์บิน อุบัยริก ได้ขโมยเสื้อเกราะของชาวยิวคนหนึ่งซึ่งฝากไว้ที่บ้านของตน เมื่อยิวผู้นั้นสงสัยตนเขาจึงเอาเสื้อเกราะนั้นโยนเข้าไปในบ้านเพื่อนบ้านของเขา ชื่ออะบูมุไลก์ เป็นชาวอันซอร ครั้นเมื่อได้ค้นบ้านกัน ก็พบว่าเสื้อเกราะอยู่ในบ้านอุบูมุไลก์ แล้วฎัวะมะฮ์จึงกล่าวหาว่าอะบูมุไลก์เป็นขโมย แล้วเรื่องก็ไปถึงท่านนะบี โดยมีชาวอันซอรกลุ่มหนึ่งไปเป็นพยานให้แก่ฎัวะมะฮ์ ในการนี้ทำให้ท่านนะบีเกือบคล้อยตามไปแล้วว่า ฏัวะมะฮ์เป็นผู้บริสุทธิ์แต่แล้วอายะฮ์นี้ก็ถูกประทานลงมา ท่านนะบีจึงได้รู้ว่าขโมยตัวจริงนั้นคือ ฏัวะมะฮ์
وَاسْتَغْفِرِ اللَّـهَ ۖ إِنَّ اللَّـهَ كَانَ غَفُورًا رَّحِيمًا ﴿١٠٦﴾
106. และเจ้า(*1*)จงขอภัยโทษต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(1) ท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
وَلَا تُجَادِلْ عَنِ الَّذِينَ يَخْتَانُونَ أَنفُسَهُمْ ۚ إِنَّ اللَّـهَ لَا يُحِبُّ مَن كَانَ خَوَّانًا أَثِيمًا ﴿١٠٧﴾
107. และเจ้าจงอย่าโต้เถียงแทนบรรดาผู้ที่บิดพลิ้วต่อตัวของพวกเขาเอง(*1*)เลย แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงชอบผู้ที่เคยบิดพลิ้วที่เคยทำบาป
(1) หมายถึง ฏัวะมะฮ์ และพวกของเขา
- Printer-friendly version
- Log in to post comments
- 59 views