อย่าตั้งภาคีและอย่าทิ้งละหมาดฟะรีเฎาะฮฺ(ฟัรฎู)
พี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพทั้งหลายครับ อัสสลามุอลัยกุมวะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮ์
ในกระบวนการของการอีหม่านการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า มีเงื่อนไขอันสำคัญที่เราต้องปฏิบัติ นั่นคือการที่เราจะไม่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เราได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้มาหลายครั้งแล้วนะครับโดยเฉพาะเมื่อเราอธิบายความหมายของ “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์” ซึ่งมีใจความว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพภักดีสักการะนอกจากอัลลอฮ์องค์เดียว” และเราเคยพูดว่าคำว่า “ลาอิลาฮะ” เป็นการปฏิเสธทุกๆ สิ่งที่ถูกอ้างอิงว่าเป็นพระเจ้า เป็นผู้มีอำนาจบารมีบนแผ่นดินนี้ แต่มุอ์มินจะศรัทธาในพระอำนาจ พระบารมี พระเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าคืออัลลอฮฺเท่านั้น
ในทำนองเดียวกันมุอ์มินก็ต้องมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับอีหม่าน ต้องมีการยืนหยัดอย่างชัดเจนในหนทางของอัลลอฮ์ โดยเฉพาะคำสั่งสอน คำบัญชาต่างๆ ที่พระองค์ทรงกำหนดให้เป็นแนวทาง เป็นลักษณะชีวิตของมุอ์มินนั่นเอง
ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ ได้ให้เครื่องหมายเพื่อให้มุอ์มินนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการยืนหยัดในอีหม่านที่มั่นคงของเขา เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าอีหม่านของเรานั้นมีความมั่นคงเข้มแข็งหรือไม่ ซึ่งเครื่องหมายนั้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องศึกษาและดูว่าชีวิตของเรานั้นมีสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวไว้ในหะดีษที่บันทึกโดยอิมามอิบนุมาญะฮ์ รายงานจากอบุดดัรดาอ์ ความว่า
لا تشرك بالله شيءا وإن قطّعت وإن حرّقت،
“ท่านจงอย่าตั้งภาคีใดๆ ต่ออัลลอฮ์ แม้ว่าท่านจะถูกตัดเป็นชิ้นๆ หรือถูกเผาจนไหม้”
เมื่อเราวิเคราะห์ประโยคนี้นะครับเราจะรู้ว่าอีหม่านที่มั่นคง ความศรัทธาที่หนักแน่น อะกีดะฮ์ที่ถูกต้องที่เราต้องยืนหยัดนั้นมีคุณค่าขนาดไหน การที่ไม่อนุญาตให้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ถึงแม้ว่าจะถูกตัดเป็นชิ้นๆ หรือถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน นั่นหมายถึงการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์เป็นสิ่งที่จะทำลายอีหม่านของเรา เปรียบเสมือนว่าการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์นั้นจะทำให้อีหม่านของเราถูกหั่นเป็นชิ้นๆ หรือมันจะเผาความศรัทธาของเราจนไหม้ไปหมด เพราะฉะนั้นไม่มีโอกาสสำหรับมุอ์มินที่จะเจตนาตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ตราบใดที่เขายังอ้างว่าเป็นมุอ์มิน เป็นผู้ศรัทธาที่เชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าโดยไม่มีภาคีต่อพระองค์ นั่นคือสิ่งที่ต้องยืนหยัด
ท่านนบีบอกว่าอย่าตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์นะ แม้ว่าจะมีคนทั่วไปหรือคนที่มีอำนาจจะเอาดาบ เอามีดมาตัดมาหั่นร่างกายของท่านเป็นชิ้นๆ หรือแม้ว่าท่านจะถูกจับเข้าเตาเผาจนไหม้ทั้งร่างกาย นี่คือสิ่งที่ท่านนบียกมาเป็นตัวอย่าง ก็หมายความว่า การบังคับที่อยู่ในตำแหน่งที่ตำกว่านี้ ต่ำกว่าการหั่น การตัดเป็นชิ้นหรือการเผา เราก็ต้องอดทนและยืนหยัดและไม่อนุญาตให้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
พี่น้องต้องคิดนะครับว่าทำไมท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงสั่งสอนให้เรามีความเข้มแข็งในอีหม่านของเราและมีความมั่นคงในศรัทธาขนาดนี้ มุอ์มินต้องทำใจ ต้องเตรียมพร้อมว่าอีหม่านของเราต้องถูกรักษาอย่างหนักแน่นถึงแม้ว่าจะถูกบังคับ ถูกเชิญชวนให้ตั้งภาคี ให้ทำชิริก ให้ทำหลายอีหม่านนั้น มุอ์มินจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน
ولا تترك صلاة مكتوبة متعمدا فمن تركها متعمدا فقد برئت منه
“และท่านอย่าได้ละทิ้งละหมาดฟัรฎูโดยตั้งใจ เพราะใครก็ตามที่ละทิ้งละหมาดฟัรฎูโดยตั้งใจนั้น เขาจะถูกตัดจากความคุ้มครองของอัลลอฮ์”
มุอ์มินต้องยืนหยัดในหลักการอีหม่าน หลักเชื่อมั่นของเขา โดยที่พร้อมจะเสียสละชีวิต เสียสละอวัยวะของเขา ทำใจว่าอาจจะถูกทรมาน ร่างกายอาจจะถูกหั่นเป็นชิ้น ถูกเผาจนไหม้ เขาต้องเตรียมพร้อมตรงนี้ว่าจะเสียสละเพื่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา
ไม่ใช่เพียงแต่หลักศรัทธาต่ออัลลอฮ์เท่านั้นที่ต้องมั่นคงนะครับ แม้กระทั่งภาคปฏิบัติศาสนกิจของเขาก็ต้องมีความเคร่งครัดและมีความเข้าใจว่าการละหมาด การถือศีลอด การปฏิบัติศาสนกิจโดยทั่วไปนั้นมันเป็นเครื่องหมายแห่งอีหม่านแห่งความศรัทธา จึงเป็นการอธิบายให้บรรดาผู้ศรัทธาเข้าใจว่าเรื่องละหมาดนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่เราจะทำได้หรือไม่ทำก็ได้ ท่านนบีจึงบอกว่า
หมายถึงคนที่ไม่ละหมาดนั้นจะอยู่นอกกรอบพระเมตตาของอัลลอฮ์ นอกกรอบการดูแลการให้ความกรุณาจากพระองค์อัลลอฮ์ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย หากเราได้นึกดูว่าสักวินาทีเดียวที่มุอ์มินจะอยู่นอกกรอบพระเมตตาของอัลลอฮ์ หากมีมนุษย์เชื่อว่าเขาจะสามารถอยู่ได้โดยไม่มีการคุ้มครองจากอัลลอฮ์ แสดงว่าเขายังไม่รู้จักอัลลอฮ์ ยังไม่เข้าใจคำว่าอัลลอฮ์ (พระผู้เป็นเจ้า) หรืออัรร็อบ (พระผู้อภิบาล) นั้นแปลว่าอะไร เมื่อเรามีความอีหม่าน ศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว เราต้องมีความตระหนักว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงดูแล ทรงเมตตา ทรงคุ้มครอง และมุอ์มินไม่สามารถที่จะอยู่แม้สักวินาทีเดียวโดยไม่รับความเมตตาจากพระองค์ นั่นคือเครื่องหมายแห่งการยืนหยัด
การละหมาดนั้นท่านนบีบอกว่าทิ้งไม่ได้ ตั้งใจทิ้งไม่ได้ แต่หากว่าพลาดนอนหลับไปศาสนาก็ไม่เอาโทษ แต่หากว่าตั้งใจ เช่น นั่งดูโทรทัศน์ทั้งที่รู้ว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วแต่ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยตั้งใจ เล่นฟุตบอล ดูฟุตบอลก็เหมือนกัน คือเจตนาปล่อยให้เวลาผ่านไปจนพลาดละหมาด ทั้งที่สิ่งที่ดูในโทรทัศน์เช่นละครหรือหนังนั้นอาจเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักการศาสนาด้วยซ้ำไป ฟังเพลงก็เช่นกัน ไม่ได้ลืมนะครับว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วแต่ยังฟังเพลงวนอยู่หลายรอบและยังไม่อยากจะทิ้งเพราะเพลงมันไพเราะ นั่นคือการตั้งใจ หรือการนั่งคุยกับพี่น้องกับเพื่อนฝูง คนนั้นปากหวานพูดคุยสนุกจนลืมตัว แต่ไม่ลืมว่ามีละหมาด แบบนี้ก็ตั้งใจทิ้งละหมาด เรื่องเหล่านี้ที่มักเกิดขึ้นในชีวิตของเราและมันจะทำลายอีหม่านของเราไม่ให้เป็นอีหม่านที่มั่นคง
ฝากไว้กับพี่น้องเพียงเท่านี้ครับ วัสสลามุอลัยกุมวะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮ์
- Printer-friendly version
- Log in to post comments
- 123 views