โอ้พ่อจ๋า (ยาอะบะตี) 4 - การเชือดพลีที่ยิ่งใหญ่

Submitted by dp6admin on Tue, 06/08/2019 - 22:05

เรียบเรียงจาก โอ้พ่อจ๋า, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี 

 เรื่องราวของนบีอิบรอฮีมกับพ่อของท่านที่กล่าวมาข้างต้นนั้นอยู่ในซูเราะฮฺมัรยัม เราได้เห็นตัวอย่างของลูกที่พูดดีกับพ่อ เตือนพ่ออย่างสุภาพในสิ่งที่เป็นสัจธรรมเป็นความดี แต่ลูกบางคนพูดว่า “ดูสิ พ่อฉันไม่ยุติธรรมเลย ซื้อรถให้ลูกทุกคน แต่ฉันยังไม่ได้ ฉันต้องไปเตือนพ่อว่าทำแบบนี้เป็นผู้อธรรมนะ ระวังจะเข้านรกนะ” สมควรหรือที่จะตักเตือนเรื่องรถ แต่เรื่องที่เป็นสัจธรรม เช่น พ่ออาจจะไม่ละหมาด ลูกกลับไม่สนใจ ไม่สนว่าพ่อจะเข้านรก แต่ถ้าพ่อไม่ให้รถเอาตายเลย แบบนี้ไม่เรียกว่าข้อตักเตือน การตักเตือนนั้นต้องพูดในสิ่งที่เป็นสัจธรรม เป็นความดีกับบิดาของเขา  นี่คือสิ่งที่ศาสนาสนับสนุน ต้องพูดกับท่านอย่างนี้ นบีอิบรอฮีมก็พูดกับบิดาของท่านอย่างนี้ อัลลอฮฺก็โปรดปรานนบีอิบรอฮีมให้มีลูกที่พูดจาดีกับท่าน  

ในซูเราะฮฺอัศศอฟฟาต อัลลอฮฺตรัสว่า  

فَبَشَّرْنَاهُ بِغُلَامٍ حَلِيمٍ ﴿١٠١﴾

 “ 101. ดังนั้น เราจึงแจ้งข่าวดีแก่เขา(ว่าจะได้)ลูกคนหนึ่งที่มีความอดทนขันติ (คืออิสมาอีล)”

หลังจากที่ท่านนบีอิบรอฮีมมีอายุได้ 80 ปี แล้วยังไม่มีลูก อัลลอฮฺก็ทรงโปรดปรานท่านนบีอิบรอฮีม แจ้งข่าวดีแก่ท่านว่าจะได้ลูกคนหนึ่งที่มีความอดทน ทำไมถึงเป็นคนที่มีความอดทน ทำไมเป็นคนที่มีความสุขุม เพราะท่านนบีอิบรอฮีมเคยใช้ความสุขุมกับบิดาของท่าน และในอายะฮฺถัดไปอัลลอฮฺตรัสว่า 

فَلَمَّا بَلَغَ مَعَهُ السَّعْيَ قَالَ يَا بُنَيَّ إِنِّي أَرَى فِي الْمَنَامِ أَنِّي أَذْبَحُكَ فَانظُرْ مَاذَا تَرَى قَالَ يَا أَبَتِ افْعَلْ مَا تُؤْمَرُ سَتَجِدُنِي إِن شَاء اللَّهُ مِنَ الصَّابِرِينَ ﴿١٠٢﴾

“ 102. ครั้นเมื่อเขา(อิสมาอีล)เติบโตขึ้น ไปไหนมาไหนกับเขา(อิบรอฮีม)ได้แล้ว อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่า โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริงพ่อได้เห็นในขณะฝันว่าพ่อได้เชือดเจ้า จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร เขากล่าวว่า โอ้พ่อจ๋า พ่อจงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พ่อจะเห็นฉันว่า ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีความอดทน

เมื่อลูกชายของท่านนบีอิบรอฮีมคนแรก(คือท่านนบีอิสมาอีล)เดินได้แล้ว อิบรอฮีมพูดกับลูก(ด้วยความนิ่มนวลเหมือนกัน)ว่า ลูกเอ๋ย ตอนฝันนั้นฉันได้เห็นว่าฉันกำลังเชือดเจ้า สัญญาณของนบีและรอซูลนั้นเป็นคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮูวะตะอาลา) ท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลลัลลอฮุอลลัยฮิวะซัลลัมได้พูดว่า การฝันของนบีและรอซูลเป็นสัจจะ เป็นความจริง เป็นวะฮีย์ เมื่อนบีอิบรอฮีมฝันว่าให้เชือดลูกของท่าน อุละมาอฺบอกว่า ก่อนจะมีลูกนั้นท่านนบีอิบรอฮีมเป็นคอลีลุลลอฮฺ คือเป็นที่รักของอัลลอฮฺ หมายถึงในหัวใจของท่านนบีอิบรอฮีมไม่มีใครยิ่งใหญ่เหนืออัลลอฮฺ ไม่มีใครยึดเนื้อที่ในหัวใจกว้างใหญ่ที่สุดกว่าอัลลอฮฺ เมื่ออายุ 80 ปีและมีลูกแล้ว อัลลอฮฺก็ได้ทดสอบเพื่อให้อิบรอฮีมสำนึกตัวว่าเมื่อเป็นคอลีลุลลอฮ(เป็นที่รักของอัลลอฮฺ)แล้ว ก็ย่อมไม่มีใครที่อยู่ในหัวใจของท่านมากกว่าอัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮูวะตะอาลา) แม้กระทั่งลูก ที่จริงอัลลอฮฺก็รู้ว่านบีอิบรอฮีมรักอัลลอฮฺองค์เดียว ไม่มีใครที่อยู่ในหัวใจนอกจากอัลลอฮฺ  แต่เพื่อจะให้เป็นบทเรียนกับประชาชาติทั้งหลาย และเป็นอุทาหรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษย์ เพราะไม่เคยเห็นเลยว่าใครฝันว่าเชือดลูกแล้วไปเชือด และที่อิบรอฮีมเล่าความฝันให้นบีอิสมาอีลฟัง ก็เพื่อจะได้ทดลองดูว่าที่อบรมมาตลอดนั้นมีผลขนาดไหน 

ดูสิครับ จำได้มั้ยตอนที่อิบรอฮีมเตือนบิดา พ่อจ๋า พอมามีลูกแล้วก็พูดว่า ลูกเอ๋ย ฉันต้องเชือดท่าน ลูกบอกว่า พ่อจ๋า (ยาอะบะตี) เช่นเดียวกับที่ท่านนบีอิบรอฮีมพูดกับบิดาของท่าน นี่คือผลการตอบแทนที่ท่านนบีอิบรอฮีมทำหน้าที่เตือนบิดาของท่านในสัจธรรม ทำหน้าที่รักษาความจริงให้อยู่ในครอบครัว สร้างความมั่นคงให้ครอบครัวด้วยความจริง เกิดอะไรขึ้นครับ  อัลลอฮฺก็ให้ท่านนบีอิบรอฮีมแบบเดียวกับที่ท่านเคยกระทำกับบิดา อิสมาอีลก็บอกว่า พ่อจ๋า ท่านจงทำในสิ่งที่ท่านถูกใช้ให้ปฏิบัติ ถ้าอัลลอฮฺประสงค์ท่านจะเห็นว่าฉันเป็นผู้อดทนอย่างแท้จริง นี่เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราลองนึกดูว่าถ้าเราประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีบุญคุณกับเรามหาศาลนั้น ถ้ามาบอกเราว่า ขอเชือดหน่อย ไม่มีใครยอมแน่ๆ แต่นี่เป็นลูกซึ่งเป็นนบีและได้รับการอบรมจากบิดาที่เป็นนบีด้วยแล้ว  อิสมาอีลรู้ว่าพ่อเป็นนบี และเมื่อเป็นนบีแล้วเรื่องที่พูดนั้นก็เป็นคำสั่งสอน(วะฮีย์)จากพระผู้เป็นเจ้าต้องปฏิบัติตามนั้น 

فَلَمَّا أَسْلَمَا وَتَلَّهُ لِلْجَبِينِ ﴿١٠٣﴾

“ 103. ครั้นเมื่อทั้งสอง(พ่อและลูก)ได้ยอมมอบตน(แด่อัลลอฮฺ) อิบรอฮีมได้ให้อิสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น

เมื่อทั้งสองนอบน้อมให้แก่คำสั่งของอัลลอฮฺแล้ว อิบรอฮีมก็สั่งให้อิสมาอีลคว่ำหน้า เพราะอิบรอฮีมไม่กล้ามองหน้าลูก แน่นอนมีใครที่จะเชือดลูกได้ แค่มองเห็นตาก็ไม่เชือดแล้ว นบีอิบรอฮีมกำลังสู้กับความเป็นพ่อและการเป็นบ่าวของอัลลอฮฺหรือการเป็นคอลีลุลลอฮฺ รักลูกนั้นรักจริงๆแต่ท่านรักอัลลอฮฺมากกว่า ถ้าต้องเชือดโดยมองเห็นหน้า มีใครจะทำได้ 

وَنَادَيْنَاهُ أَنْ يَا إِبْرَاهِيمُ ﴿١٠٤﴾ قَدْ صَدَّقْتَ الرُّؤْيَا إِنَّا كَذَلِكَ نَجْزِي الْمُحْسِنِينَ ﴿١٠٥﴾ إِنَّ هَذَا لَهُوَ الْبَلَاء الْمُبِينُ ﴿١٠٦﴾

“และเรา(อัลลอฮฺ)ได้เรียกเขาว่า โอ้อิบรอฮีมเอ๋ย !  แน่นอน เจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย แท้จริง นั่นคือการทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน"

เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว คืออัลลอฮฺและทุกคนเห็นประจักษ์แล้วว่าในใจของอิบรอฮีมไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าอัลลอฮฺแม้กระทั่งลูก เอาลูกมาฆ่าเพื่ออัลลอฮฺนั้นเชือดให้ มีใครที่ไหนในประชาคมโลกเหมือนท่านนบีอิบรอฮีม พร้อมที่จะถวายทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่อัลลอฮฺแม้กระทั่งลูก แต่บางคนเกรงใจลูกไม่ปลุกละหมาดซุบฮิ หรือเมื่อตื่นแล้วเวลาจะออกก็ต้องเดินค่อยๆ กลัวลูกจะตื่น อีมานที่อยู่ในหัวใจแต่อัลลอฮฺนั้นมันไม่ใช่แล้ว  พ่อแม่ไปละหมาดเพื่ออัลลอฮฺแล้วจะยินยอมให้ลูกเข้านรกหรือ ยอมให้ลูกฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ รู้ว่าลูกทิ้งละหมาดแล้วยังสนับสนุน 

อุทาหรณ์จากนบีอิบรอฮีมที่เตือนพ่อว่าอย่าบูชาเจว็ดอย่าบูชาชัยฏอน ก็เหมือนกับลูกที่บอกพ่อ ว่าอย่าให้ฉันอยู่ภายใต้นโยบายของพ่อที่สนับสนุนให้ชัยฏอนเป็นผู้นำครอบครัว ถ้าบิดาบอกในบ้านมีพระเจ้าองค์เดียว พระเจ้าองค์เดียวคือใคร สำหรับบางบ้านอาจจะเป็นโทรทัศน์ก็ได้ เพราะบางบ้านเขาหันทิศกิบลัตไปทางโทรทัศน์ ไปที่ไหนทำอะไรก็ต้องมีโทรทัศน์ เพราะที่บ้านไม่มีการละหมาด ไม่มีผ้าปูละหมาด ไม่มีกิบลัตละหมาด นี่ก็แสดงว่ามีพระเจ้าอื่นนอกจากอัลลอฮฺแล้ว หากเราไปดูกิบลัตของคนต่างศาสนิก ว่ากิบลัตของเขาคืออะไร จะตั้งอะไรหรือจะบูชาอะไรก็จะหันมาหาทิศที่เขานอนอยู่ แต่บ้านมุสลิมบางบ้าน ไม่มีอะไรบ่งชัดว่านี่คือบ้านของมุสลิม ไม่มีกิบลัต ไม่มีพระเจ้า ไม่มีอัลลอฮฺ 

การทดสอบของท่านนบีอิบรอฮีมคือการทดสอบที่แท้จริงอย่างแน่นอน เป็นการทดสอบให้ลูกและพ่อแสดงอีมาน นี่คือบทเรียนสำหรับเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือลูก ลองพินิจดูว่าหัวใจของเราที่ยอมถวายให้กับอัลลอฮฺแล้วนั้นมีใครอื่นนอกจากอัลลอฮฺมั้ย บางคนรักพ่อมากกว่าอัลลอฮฺ พ่อว่ายังไงเราก็ต้องทำ ถึงแม้ว่าจะขัดกับคำสั่งของอัลลอฮฺและรอซูลก็ต้องทำ พ่อเสียชีวิตไปแล้วแต่สั่งไว้ว่าเมื่อถึงงานเมาลิดก็ต้องบริจาคเงินปีละ 100,000 บาท คำสั่งเสียทุกคำสั่งเสียที่ขัดต่อหลักการที่เป็นบิดอะฮฺนั้นเป็นโมฆะ ทำไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ การฝ่าฝืนในเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ แต่เป็นการฝ่าฝืนเพราะรักผู้ใหญ่ ไม่อยากให้พ่อที่กำลังอยู่ในกุโบร กำลังถูกสอบสวนว่า “สั่งแบบนี้ไปได้ยังไง”  ลูกที่อยู่ที่บ้านทำตามคำสั่งของพ่อ เพราะพ่อสั่งไว้จะไปฝืนเขาได้ยังไง แต่ศาสนาบอกว่าไม่ได้ พ่อก็เดือดร้อนอยู่ในกุโบร 

ความรักเคารพให้เกียรติพ่อนั้นขอให้เราเข้าใจว่าต้องให้อยู่ในหลักการ อย่ารักกันเหมือนคนทั่วไปเขารักกันให้รักกันเหมือนผู้ศรัทธารักกัน สมมติว่าลูกไปจับเหล็กแล้วไฟดูดก็ต้องตัดมือแล้วก็ดึงจะได้จบ อันนี้แค่สมมติครับ บางคนก็ว่าจะไปตัดมือได้ยังไงสงสารลูก ไม่ตัดก็ตายไม่เหลือชีวิตอยู่เลย แต่ถ้าตัดหายแค่มือข้างเดียว ยังมีชีวิตอยู่ การที่เราคิดอย่างนี้นั้นเป็นการคิดในเชิงหลักการ บางคนเข้าใจว่าอะไรที่ผู้ใหญ่หรือบรรพบุรุษสั่งไว้ ถึงแม้ว่ามันฝืนกับหลักการแต่ต้องทำ  

(มีต่อ) 

โอ้พ่อจ๋า (ยาอะบะตี) 4 - การเชือดพลีที่ยิ่งใหญ่