ซูเราะตุลบะเกาะเราะฮฺ 7 (อายะฮฺ 26-30)

Submitted by dp6admin on Thu, 29/11/2018 - 11:55
หัวข้อเรื่อง
(อุทาหรณ์ของการทำชิรกฺ), สิทธิของอัลลอฮฺในการยกอุทาหรณ์ด้วยสิ่งต่างๆ, ผู้ขาดทุน, การสร้าง
สถานที่
บ้านพงษ์พรรฦก บางกอกน้อย
วันที่บรรยาย
มีวีดีโอ
มี
รายละเอียด

6. แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงละอาย ในการที่พระองค์จะทรงยกอุทาหรณ์ใดๆ ขึ้นเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเป็นริ้นสักตัวหนึ่ง แล้วก็สิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้นก็ตาม(*1*) ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นพวกเขาย่อมรู้ว่า
แท้จริงมัน(*2*) คือ ความจริงที่มาจากพระเจ้าของพวกเขา และส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธานั้นพวกเขาจะพูดว่า อัลลอฮฺทรงประสงค์สิ่งใดในการยกอุทาหรณ์ด้วยสิ่งนี้(*3*) ?
พระองค์ทรงให้คนมากมายหลงผิดด้วยอุทาหรณ์นั้น(*4*) และทรงแนะนำทางที่ถูกต้องแก่คนมากมายด้วยอุทาหรณ์นั้น (*5*) และพระองค์จะไม่ทรงให้ใครหลงผิดด้วยอุทาหรณ์นั้นนอกจากผู้ที่ฝ่าฝืนเท่านั้น  

(1)  สิ่งที่เล็กยิ่งกว่าริ้น
(2)  อุทาหรณ์ที่อัลลอฮฺทรงยกมาเปรียบเทียบ
(3)  ในการที่พระองค์ทรงนำเอาริ้นมาเปรียบเทียบนั้น พระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด
(4)  พวกที่ดื้อดึงไม่ยอมเชื่อ เนื่องจากไม่ใช้ปัญญาหาความเข้าใจ ในอุทาหรณ์ดังกล่าว ดังนั้นพวกเขาจึงหลงทางด้วยการปฏิเสธศรัทธา
(5)  สำหรับผู้ที่ใช้ปัญญานั้น ย่อมเข้าใจในอุทาหรณ์ดีแล้ว พวกเขาก็ได้รับแนวทางที่ถูกต้อง และศรัทธาต้อพระองค์  

 
27. คือบรรดาผู้ที่ทำลายสัญญาของอัลลอฮฺหลังจากที่ได้มีสัญญาไว้แก่พระองค์(*1*) และตัดสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ให้ต่อ(*2*) และบ่อนทำลายในผืนแผ่นดิน ชนเหล่านี้แหละคือพวกที่ขาดทุน  

(1)  สัญญาทางธรรมชาติ หรือทางสัญชาติญาณที่จะทำให้พวกเขายอมรับในการเป็นการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ได้ทรงถามพวกเขาขณะยังอยู่ในสภาพเชื้อสุจิอยู่ว่า “ข้าไม่ใช่พระเจ้าของพวกเจ้าดอกหรือ พวกเขาตอบว่า ใช่ขอรับ พวกข้าพระองค์ขอยืนยัน” แต่แล้วพวกเขาก็ทำลายสัญญานั้นเสีย ด้วยการปฏิเสธการเป็นพระเจ้าของพระองค์
(2)  ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงใช้  

 
28. พวกเจ้าจะปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮฺได้อย่างไร? ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้านั้นเคยปราศจากชีวิตมาก่อน(*1*) แล้วพระองค์ก็ทรงให้เจ้ามีชีวิตขึ้น ภายหลังก็จะทรงให้พวกเจ้าตาย แล้วก็จะทรงให้พวกเจ้ามีชีวิตขึ้นอีก
และพวกเจ้าก็จะถูกนำกลับไปสู่พระองค์  

(1)  คือยังอยู่ในสภาพเป็นเดิม อันหมายถึงท่านนะบีอาดัมผู้เป็นบิดาแห่งมนุษย์ชาติทั้งมวล  
 
29. พระองค์คือผู้ทรงสร้างสิ่งทั้งมวลในโลกไว้สำหรับพวกเจ้า ภายหลังได้ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้า (*1*) และได้ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้นเป็นเจ็ดชั้นฟ้า และพระองค์นั้นได้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง  

(1)  ซึ่งขณะนั้นฟากฟ้ายังเป็นหมอกควันอยู่ ดังที่พระองค์ทรงแจ้งไว้ว่า “แล้วพระองค์ได้ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้า ขณะที่มันยังเป็นหมอกควันอยู่”  

 30. และจงรำลึกถึงขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้ตรัสแก่มะลาอิกะฮฺว่า แท้จริงข้าจะให้มีผู้แทนคนหนึ่ง(*1*) ในพิภพ มะลาอิกะฮฺได้ทูลขึ้นว่า พระองค์จะทรงให้มีขึ้นในพิภพ ซึ่งผู้ที่บ่อนทำลาย และก่อการนองเลือด ในพิภพกระนั้นหรือ(*2*)? ทั้ง ๆ ที่พวกข้าพระองค์ให้ความบริสุทธิ์ พร้อมด้วยการสรรเสริญพระองค์ และเทิดทูนความบริสุทธิ์ในพระองค์ พระองค์ตรัสว่า แท้จริงข้ารู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้(*3*)  

(1)  คือนะบีอาดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรก และเป็นบิดาของมนุษย์ชาติมิใช่คนใดคนหนึ่งที่ชื่อาดัม ตามที่พวกก็อดยานีได้บิดเบือนไว้
(2)  การที่มะลาอิกะฮฺกล่าวเช่นนั้น อาจเข้าใจได้ว่าเมื่อก่อนโน้นอัลลอฮฺเคยบังเกิดสิ่งที่มีชีวิต และมีปัญญามาในโลก แล้วพวกเขาเหล่านั้นประหัตประหารกัน จนกระทั่งสูญพันธุ์ ทั้งนี้ด้วยพระประสงค์ของพระองค์แล้วพระองค์ก็ทรงบังเกิดอาดัมขึ้นมาใหม่จากเดิม เพื่อเป็นผู้แทนของพระองค์ในพิภพ ซึ่งจะมีลูกหลานแพร่สะพัดไปทั่วโลกในการนี้ให้มะลาอิกะฮฺเข้าใจว่า ลูกหลานของอาดัมจะประหัตประหารกัน และหลั่งเลือด จึงได้ถามพระองค์เพื่อต้องการทราบ ใช่ว่าเป็นการคัดค้านแต่อย่างใดไม่
(3)  อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง ถึงเป้าหมายในการบังเกิดท่านนะบีอาดัม แต่มลาอิกะฮฺไม่รู้