อิสลามเป็นศาสนาแห่งมนุษยชาติ

Submitted by dp6admin on Sat, 04/04/2009 - 01:48

ข้อหนึ่ง :  อิสลามยกเลิกทุกศาสนาหรือปรัชญาที่เกิดขึ้นบนพื้นโลก หรือลัทธิแห่งการเชื่อถือที่ใช้ปัญญาอย่างเดียว

 



 จำเป็นที่เราต้องรู้ไว้ด้วยว่าศาสนาที่อัลลอฮฺ ตะบาเราะกะวะตะอาลา ทรงยินยอมให้เป็นศาสนาที่พระองค์ได้รับความเคารพสักการะทั่วทั้งจักรวาลนั่นคือ อิสลาม ดังที่พระองค์ได้ตรัสรับรองไว้ว่า

﴿ إِنَّ الَّذِيْنَ عِنْدَ الله الإِسْلاَمُ ﴾

ความว่า “แท้จริงศาสนา ณ ที่อัลลอฮฺนั้นคือ อิสลาม” (ซูเราะฮฺอาลอิมรอน : 19)

﴿ اليَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِيْنَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِيْ وَرَضِيْتُ لَكُمُ الإِسْلامَ دِيْنَا ﴾

ความว่า “วันนี้ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว และข้าได้ให้ความโปรดปรานของข้าครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว และข้าได้ยินยอมเลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า” (ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ : 3)

 อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงถือว่าผู้ที่ปฏิบัติตามและอยู่ในสังกัดอิสลามคือผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ส่วนผู้ที่มิได้อยู่ในแนวทางดังกล่าวคือผู้หลงจากสัจธรรม เป็นผู้ดื้อรั้น ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

﴿ فَمَنْ أَسْلَمَ فَأُوْلئِكَ تَحَرَّوْا رَشَدًا ﴾

ความว่า “ดังนั้น ผู้ใดยินยอมน้อมรับ(เป็นมุสลิม) ชนเหล่านั้นได้เฟ้นหาความถูกต้อง” (ซูเราะฮฺอัลญิน : 14)

﴿ فَمَنْ يُرِدِ اللهِ أَنْ يَهْدِيَهُ يَشْرَحْ صَدْرَهُ لِلإِسْلامِ ﴾

ความว่า “ดังนั้น ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์จะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่เขา พระองค์ก็จะทรงเปิดทรวงอกให้แก่เขาเพื่ออิสลาม” (ซูเราะฮฺอัลอันอาม : 125)

﴿ أَفَمَنْ شَرَحَ اللهُ صَدْرَهُ لِلإِسِلامِ فهُوَ عَلَى نُوْرٍ مِنْ رَبِّهِ ﴾

ความว่า “ดังนั้น ผู้ใดที่อัลลอฮฺได้ทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?)” (ซูเราะฮฺอัซซุมัร : 22)

 ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวไว้ว่า

أُمِرْتُ أَنْ أقَاتِل النَّاس حَتَّى يَقُوْلُوا أَلاَّ إِلَهَ إِلاَّ الله  وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُوْلُ الله  فَإِنْ قَعَلُوْا ذَلِكَ عَصَمُوْا مِنِّى دِمَاءَ هُمْ إِلاَّ بَحَقِّهَا  وَحِسَابُهُمْ عَلَى اللهِ

ความว่า “ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้กับผู้คนจนกว่าพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และท้จริงมุฮัมมัดเป็นร่อซูล(ทูตของอัลลอฮฺ) หากพวกเขาปฏิบัติเช่นนัน พวกเขาจะได้รับการคุ้มกันเลือดของพวกเขาจากฉัน(คือจะไม่ถูกสู้รบด้วย) เว้นแต่ด้วยสิทธิของมัน และการสอบสวนพวกเขานั้นอยู่ที่อัลลอฮฺ”

 ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทุกศาสนาที่เกิดขึ้นมาก่อนอิสลาม และทุกบัญญัติที่อัลลอฮฺทรงบัญญัติขึ้นมาก่อนบัญญัติอิสลาม ถือได้ว่าถูกลบล้างและถูกยกเลิก ดังที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

 

﴿ وَمَنْ يَبْتَغِ غَيْرَ الإِسْلامِ دِيْنَاً فَلَنْ يُقْبَلَ مِنْهُ  وَهُوَ فِي الآخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِيْنَ ﴾

ความว่า “และผู้ใดแสวงหาอื่นจากอิสลามไว้เป็นศาสนาแล้ว มันจะไม่ถูกตอบรับจากพระองค์ และในวันปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน” (ซูเราะฮฺอาลอิมรอน : 85)

 ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวไว้อีกว่า

وَالَّذِيْ نَفْسُ مُحَمَّدِ بِيَدِهِ لاَيَسْمَعُ بِيْ يَهُوْدِيٌّ  وَلاَنَصْرَانِيٌّ  ثُمَّ لاَ يُؤْمِنُ بِيْ إِلاَّ أَدْخَلَهُ اللهَ النَّارَ .

ความว่า “ขอสาบานด้วยพระผู้ซึ่งชีวิตมุฮัมมัดอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ จะไม่มีชาวยะฮูดีคนใดและชาวนัศรอนีคนใดที่ได้ทราบ(การเป็นร่อซูล)ของฉัน แล้วเขาไม่ศรัทธาต่อฉัน เว้นแต่อัลลอฮฺจะให้เขาเข้านรก”

 อัลกุรอานุลกะรีมได้ประกาศไว้อย่างเปิดเผยว่า อิสลามได้อุบัติมาเพื่อลบล้างและยกเลิกทุกศาสนาที่มีมาก่อนทั้งสิ้น ดังที่พร ะองค์ได้แจ้งให้เราทราบในซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 48 ว่า

﴿ وَأَنْزَلْنَا عَلَيكَ الْكِتَابَ بِالْحَقِّ مَصَدِّقَاً لِمَا بَيْنَ يَدَيْهِ مِنَ الْكِتَابِ وَمُهَيْمِنَاً عَلَيه ﴾

ความว่า “เราได้ประทานคัมภีร์อัลกุรอานลงมาแก่เจ้าด้วยความจริงเพื่อเป็นการยืนยันบรรดาคัมภีร์ที่มีมาก่อนมัน และเป็นคัมภีร์ที่บังคับควบคุม(ครอบคลุม)เหนือคัมภีร์ทั้งปวง”

 ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงไม่อนุญาตให้มนุษย์คนใดยึดมั่นในศาสนาใดๆ นอกจากศาสนาอิสลาม ซึ่งมีพระเจ้าแห่งจักรวาลนี้เป็นที่เคารพสักการะ เป็นผู้ชี้ขาดตัดสินในการดำเนินชีวิตของเขา ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องศรัทธาและยึดมั่นต่อศาสนานี้ เพื่อเป็นหลักประกันความรอดพ้นแก่ตัวของเขาในวันกิยามะฮฺ

 ทุกปรัชญาและทุกลัทธิที่อาศัยปัญญาอย่างเดียวเพื่อพัฒนาแก้ไขชีวิตมนุษย์ โดยที่ไม่อาศัยกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺแล้ว เหล่านั้นเป็นลัทธิที่ไม่มีสาระ ไม่มีคุณค่า ไม่สมควรที่จะยึดถือและให้ความสนใจ เพราะความจริงที่สมบูรณ์ยิ่งนั้นมีอยู่ที่กิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺเท่านั้น  ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ได้ตรัสไว้ว่า

﴿ وَلَوْ كَانَ مِنْ عِنْدِ غَيْرِ اللهِ لَوَجَدُواْ فِيْهِ اخْتِلافَاً كَثِيْرَاً ﴾

ความว่า “และหากว่าอัลกุรอานมาจากอื่นจากอัลลอฮฺแล้ว แน่นอนพวกเขาจะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันอย่างมากมาย” (ซูเราะฮฺอันนิซาอฺ : 82)

 ดังนั้นจึงเป็นที่ประจักษ์แก่เราว่า อัลฮุดา (الْهُدَى  ทางนำที่ถูกต้อง) นั้น คือสิ่งที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้นำมาจากอัลลอฮฺตะอาลา ซึ่งก็คือ อัลกุรอานและซุนนะฮฺ ทั้งสองสิ่งนี้จึงเป็นธรรมนูญของบรรดามุสลิม เป็นที่พึ่งและเป็นทางกลับในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ไม่เป็นที่อนุมัติแก่มุสลิมและมุสลิมะฮฺคนใดที่จะเชื่อมั่นว่า อนุญาตให้เขาสังกัดและมีความเลื่อมใสต่อศาสนาใด ๆ หรือมีความศรัทธาอื่นจากสิ่งที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมา


วันที่ลงบทความ : 29 พ.ย. 49