โลกที่ปราศจากอเมริกา

Submitted by dp6admin on Sat, 04/04/2009 - 01:41

การออกจากอิรักและอัฟกานิสถานของกองทัพอเมริกานั้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน(ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น) ข้อมูลและรายงานข่าวต่างๆก็เห็นตรงกันว่าความสามารถและแสนยานุภาพของทหารอเมริกากับพันธมิตรได้ถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมๆกับความอ่อนแอของสภาพจิตใจเหล่าทหารอเมริกัน ในขณะเดียวกันรัฐบาลอิรักที่เป็นหุ่นเชิดของอเมริกาก็ล้มเหลวที่จะนำความสงบมาสู่ประเทศ แต่กลับกลายเป็นบรรดาพี่น้องมุญาฮิดีนซุนนีที่กลายเป็นตัวแปรหลักที่มีความสำคัญต่อเหตุการณ์ต่างๆในอิรัก

การโจมตีอย่างป่าเถื่อนและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยชาวชีอะฮฺต่อชาวซุนนีในอิรักนั้นมิอาจที่จะขัดขวางพวกเขามิให้ต่อสู้และทำสงครามกับการยึดครองของกองทัพอเมริกาได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งอันสูงส่งในการขับไล่ผู้ยึดครอง

 ในอัฟกานิสถานก็เช่นเดียวกัน บรรดาพันธมิตรของอเมริกาเริ่มแน่ใจแล้วว่าจำเป็นต้องออกไปจากประเทศนี้มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะประสบกับการทำลายล้างจากทหารฏอลิบัน

 ประเด็นใหม่ในเหตุการณ์นี้คือ อเมริกาและพันธมิตรได้เริ่มที่จะบอกกล่าวต่อประชาคมโลกว่าจำเป็นที่จะต้องถอนกำลังทหารออกจากสองประเทศดังกล่าว ทั้งๆที่ที่ผ่านมานั้นพวกเขาถือว่าการคงกองทัพไว้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสองประเทศนี้ เพื่อที่จะสร้างความสงบสุขให้กับประชาชนและเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการก่อการร้ายในโลก

 ประชาคมโลกตอนนี้กำลังมองเหตุการณ์หนึ่งซึ่งชาวมุสลิมได้เฝ้าคอยอยู่ นั้นคือเหตุการณ์การล่มสลายของมหาอำนาจอเมริกาและการสูญเสียอิทธิพลในความเป็นผู้นำของโลก และเหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษหน้า

 บทบาทในการต่อสู้และปลดปล่อยโลกนี้จากการครอบงำของมหาอำนาจนั้นจะไม่เกิดขึ้นด้วยสงครามโลกเหมือนดั่งที่ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ในสมัยการล่มสลายของอาณาจักรออตโตมัน(ระบอบคิลาฟะฮฺอุษมานิยะหฺ)และจักรวรรดิ์นาซีเยอรมันและรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งหรือการล่มสลายของจักรวรรดิ์อังกฤษ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งนี้เพราะสังคมโลกได้พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่สามเหมือนที่บรรดาประเทศมหาอำนาจพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะและความขัดแย้งทางด้านทหาร จะมีก็เพียงสงครามเย็นระหว่างกันเท่านั้น ในขณะเดียวกันประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นก็ได้อธรรม กดขี่ข่มเหง และกอบโกยผลประโยชน์ทรัพยากรจากประเทศอิสลามจนกลายเป็นว่าระบบโลกใหม่นี้คือระบบที่ว่าด้วยการปล้นขโมยทรัพยากรของโลกอิสลามและเข่นฆ่าชาวมุสลิม

 แท้จริงแล้วการล่มสลายของประเทศมหาอำนาจนั้นใช้ระยะเวลายาวนานและมิใช่สิ่งที่พบเห็นได้ง่ายๆ นับเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง อย่างไรก็ตามยุคสมัยของเราในปัจจุบันอาจจะมีโอกาสได้เห็นการกำเนิดของระบบโลกใหม่ที่ปราศจากอเมริกาในการควบคุมและครอบงำกิจการต่างๆของโลก แต่บทบาทสำคัญที่กำลังมีอิทธิพลและผลกระทบอย่างมากมายในระบบโลกใหม่นี้กลับกลายเป็นของอิสลาม ทั้งนี้เราต้องไม่ลืมว่าผู้ที่ลบอดีตสหภาพโซเวียตออกจากการเป็นมหาอำนาจในแผนที่โลกและเป็นสาเหตุของการล่มสลายของโซเวียตนั้นคือบรรดามุญาฮิดีนในอัฟกานิสถาน และผู้ที่จะเขี่ยอเมริกาออกจากการเป็นผู้นำโลกและล้มระบบทุนนิยมจากการควบคุมโลกก็จะเป็นมุญาฮิดีนในประเทศอิรักและอัฟกานิสถานอีกเช่นกัน(อินชาอัลลอฮฺ)

 และเราต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่าความพยายามและแผนการของอเมริกาที่จะจับตัวอุซามะฮฺบินลาดินและมุลลาอุมัรได้ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราสามารถบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ได้ว่าเป็นยุคสมัยแห่งความล้มเหลวของอเมริกาในการต่อสู้กับบรรดามุญาฮิดีน

 หากมุญาฮิดีนนั้นคือผู้ที่มีบทบาทและอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงโลกใหม่พร้อมกับองค์การสหประชาชาติซึ่งเป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจนั้น ฉะนั้นแล้วเราจำเป็นต้องเฝ้ามองและพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า อันเป็นยุคที่ระบบโลกปราศจากอเมริกาและจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับมนุษยชาติเช่นกัน และเราจำเป็นต้องมีการคาดการณ์ต่อสภาพใหม่นี้ด้วย

 หากมีระบบโลกใหม่ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ประเทศอเมริกาจะไม่สามารถแทรกแซงหรือก้าวก่ายกิจการต่างๆของโลกได้ และจะไม่มีอำนาจเข้าไปจัดการบริหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกได้ และแน่นอนสิ่งนี้จะเป็นสาเหตุให้องค์การสหประชาชาติกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในการจัดการความขัดแย้งนั้น แต่มีคำถามว่าอเมริกาจะยังมีบทบาทในสหประชาชาติอีกหรือไม่ในเมื่ออิทธิพลของประเทศนี้เริ่มสั่นคลอนแล้ว ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายประเทศที่มีโอกาสในการมีบทบาทและอิทธิพลในองค์ดังกล่าว เช่นญี่ปุ่นที่ ปัจจุบันเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินมากที่สุดรองจากอเมริกา และยังมีประเทศเอเชียอื่นๆที่มีความพยายามที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกถาวรของสหประชาชาติเช่นอินเดียและอินโดนิเซียซึ่งแน่นอนว่าการล่มสลายของอเมริกาย่อมทำให้ความพยายามเหล่านี้ประสบผลสำเร็จ เศรษฐกิจโลกจะเป็นอิสระและเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเพราะอเมริกาจะไม่ใช่ประเทศที่ควบคุมทรัพยากรของโลกอีกต่อไป ทั้งน้ำมัน ผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน สินแร่ ยางหรือวัตถุดิบอื่นๆจะไม่ตกไปอยู่ในมือของอเมริกาอีกแล้ว ดังนั้นเจ้าของที่แท้จริงจะมีสิทธิเต็มที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรเหล่านี้ โดยไม่มีอเมริกาคอยกดดันบังคับให้ขายวัตถุดิบแก่โรงงานในอเมริกาดังเช่นในปัจจุบัน แม้กระทั่งตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลกก็จะเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นอเมริกาอีก เหล่านี้ทั้งหมดแน่นอนย่อมจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม

 ความเป็นอิสระที่จะเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งในโลกนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมากมายและเห็นได้ชัด เพราะจะไม่มีอเมริกาคอยมาบงการบังคับรัฐบาลประเทศต่างๆได้อีกเหมือนในปัจจุบัน และเป็นไปได้ว่าการล้มระบอบทักษิณซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของอเมริกาในทวีปเอเชียจะเป็นการเริ่มต้นการล่มสลายของอำนาจอเมริกาและอาจจะถือว่าเป็นโชคดีที่การปฏิวัติที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน เกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกากำลังยุ่งอยู่กับเหตุการณ์ในอิรักและอัฟกานิสถาน หากว่าประเทศอเมริกามีโอกาสและเวลาเพียงพอที่จะจัดการเรื่องราวในย่านนี้แล้วก็คงไม่ปล่อยให้พันธมิตรทักษิณต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อคณะปฏิวัติอย่างแน่นอน ดังที่เราเห็นได้จากการที่อเมริกาไม่สามารถที่ทำให้เกิดมาตรการการลงโทษอิหร่าน เกาหลีเหนือ อินเดียหรือปากีสถานซึ่งได้ดำเนินการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าอเมริกากำลังติดหล่มจมปลักอยู่ในปัญหาอิรักซึ่งเป็นปัญหาที่จะส่งผลต่อความมีอยู่ของอเมริกามิใช่ต่อการเป็นมหาอำนาจเท่านั้น

 การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นมิใช่เพียงทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเท่านั้น แต่วัฒนธรรมและค่านิยมของอเมริกาที่ได้แพร่หลายในยุคโลกาภิวัฒน์(นักวิชาการบางคนเรียกว่าอเมริกาภิวัฒน์)จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ซึ่งผมคิดว่าอาหารฟาสต์ฟู้ด เครื่องดื่มต่างๆของอเมริกาจะประสบกับยอดขายที่ตกต่ำและการขาดทุน แฟชั่นเสื้อผ้าต่างๆของอเมริกาจะไม่ได้รับความนิยมชมชอบหรือแม้แต่ภาพยนตร์หรือศิลปะของอเมริกาจะเกิดผลกระทบอันเนื่องมาจากการล่มทางการเมืองและทางทหารของอเมริกาในครั้งนี้ด้วย

 แท้จริงแล้วสังคมอเมริกาได้เกิดการล่มสลายจากภายในมานานแล้ว ระบบครอบครัวถูกทำลาย ความเห็นอกเห็นใจในสังคมอเมริกาที่เป็นตัวยึดเหนี่ยทางจิตใจในสังคมก็ต้องพ่ายแพ้ต่อปัญหาทางเพศที่ได้เปลี่ยนสังคมอเมริกาให้เป็นสังคมที่มีแต่เนื้อหนังร่างกายโดยปราศจากวิญญาณ

 ความขัดแย้งและการปะทะกันในสังคมอเมริกาอันเกิดจากความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติสีผิวเช่นแอฟริกา ลาตินอเมริกา จีน ยุโรปหรือแม้แต่มุสลิม ได้กลายเป็นสาเหตุของความอ่อนแอของสังคมอเมริกา

 นายแฮนทิงตันในหนังสือ “ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม” ได้ทำนายถึงการปะทะกันระหว่างอารยธรรมตะวันตกที่นำโดยอเมริกากับอารยธรรมอิสลาม แต่เขามิได้กล่าวถึงการญิฮาดในอิสลามในฐานะตัวแทนของอารยธรรมอิสลามที่กำลังต่อสู้แผ่ขยายไปในโลกตะวันตกและกำลังทำให้อำนาจและอิทธิพลของตะวันตกนั้นสั่นคลอน และดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างสองอารยธรรมนี้จะจบลงด้วยการล่มสลายของตัวแทนโลกอารยธรรมตะวันตกนั่นคือสหรัฐอเมริกา

 แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถคาดการณ์ได้หากประชาคมโลกปราศจากอเมริกา และเราไม่คิดว่าเรากำลังจมปลักอยู่ในการมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือคาดหวังมากเกินไปเพราะการคาดการณ์ที่เราได้กล่าวมานั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยหรือเกิดขึ้นบางส่วน แต่ความจริงที่เป็นอยู่คืออเมริกาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงต่ออัลกออิดะหฺและนั่นเป็นการพ่ายแพ้ที่อัปยศที่สุดของจักรวรรดิ์อเมริกา และที่น่าแปลกใจก็คือว่าผู้ที่ทำให้อเมริกาพ่ายแพ้นั้นคือบุคคลที่กำลังหลบลี้อยู่ในเทือกเขาในอัฟกานิสถานที่ชื่อ “อุซามะหฺ บิน ลาดิน”

 


วันที่ลงบทความ : 15 พ.ย. 49

ที่มา : วารสารร่มเงาอิสลาม, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี