แบบอย่างการอดทนของบรรดาสะลัฟ

Submitted by dp6admin on Fri, 03/04/2009 - 01:22

แบบอย่างการอดทนของบรรดาสะลัฟ

 

การดำรงชีวิตของมนุษย์อยู่ในโลกนี้คงหนีไม่พ้นไปจากหนึ่งในสองสภาพ คือจะขวนขวายให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เขารักและพอใจ และขจัดสิ่งที่เขาเกลียดชังและไม่พอใจให้หมดสิ้นไป ดังนั้นหน้าที่ของเขาในสภาพเช่นนี้ก็คือ การขอบคุณและยอมสารภาพว่านั่นคือความโปรดปรานหรือนิอฺมะฮฺที่อัลลอฮฺตะอาลาประทานให้แก่เขา เขายอมรับสภาพนี้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจและกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ในขณะเดียวกันเขาก็วิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺตะอาลา ให้เขาศรัทธามั่นอยู่ในการเชื่อฟังจงรักภักดีต่อพระองค์ นี่คือลักษณะของผู้ขอบคุณอย่างแท้จริง



อีกสภาพหนึ่งก็คือ จะประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบหรือสูญเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือคนที่รักใคร่ จึงทำให้เขาเศร้าโศกเสียใจและมีความกังวลห่วงใยอยู่เสมอ ดังนั้นหน้าที่ของเขาในสภาพเช่นนี้ก็คือ การอดทนเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะไม่โกรธ ไม่กระสับกระส่าย ไม่ไปบ่นให้ชาวบ้านฟังในสิ่งที่เขาได้รับ แต่เขาจะวิงวอนร้องเรียนต่อพระผู้ทรงสร้าง ซุบฮานะฮูวะตะอาลา



ฉะนั้นผู้ใดที่อยู่ในสภาพคับขันหรือเดือดร้อน เขาก็เป็นผู้อดทนอดกลั้น เขาก็เป็นผู้ขอบคุณ ดังนั้นการดำรงชีวิตของเขาในทั้งสองสภาพก็อยู่ในความดี ได้รับผลบุญอย่างมากมาย และจะได้รับการกล่าวขวัญในทางดี



ภัยพิบัติหรือการทดสอบ ที่ประสบกับมนุษย์ นั้นมีอยู่ 4 ประเภทด้วยกันคือ จะเกิดขึ้นกับตัวของเขา หรือทรัพย์สมบัติของเขา หรือชื่อเสียงของเขา หรือครอบครัวของเขา และผู้ที่เขารักใคร่ชอบพอ สรุปแล้วก็คือมนุษย์ทุกคนจะต้องประสบกับการทดสอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราจะใคร่ครวญและพิจารณากันแล้วจะเห็นได้ว่าบะลาอฺหรือภัยพิบัติหรือการทดสอบนี้ จะประสบกับผู้ที่มิใช่มุอฺมิน โดยอยู่ในสภาพที่ร้ายแรงหรือมาก ยิ่งกว่าคนมุอฺมินเสียอีก เป็นที่น่าสังเกตได้ว่ามนุษย์ทั้งหลาย นั้นไม่อยู่ในสภาพที่สงบจะมีอาการปั่นป่วนหรือตกอกตกใจเกินกว่าเหตุเมื่อประสบกับภัยพิบัติหรือการทดสอบ คล้ายกับว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า โลกดุนยานั้นจะต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ คนที่มีสุขภาพดีจะประสบกับการเจ็บไข้ได้ป่วย คนหนุ่มสาวจะต้องแก่ชราลง และสิ่งที่มีอยู่จะต้องสูญหายไปอย่างแน่นอน นี่คือกฎสภาวะที่ได้มีการกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นผู้ที่ประสบกับภัยพิบัติหรือถูกทดสอบจะต้องตระหนักว่าผู้ที่ทดสอบเขาด้วยภัยพิบัติต่าง ๆ นั้น พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณยิ่งและเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง พระองค์จะไม่ทรงทำให้บะลาอฺหรือการทดสอบนั้น เพื่อให้เกิดความพินาศหรือทำลายล้างหรือ เป็นการลงโทษ แต่พระองค์ทรงประสงค์ที่จะทดสอบการอดทนของเขา ความพอใจของเขาและการศรัทธาของ เขา และเพื่อที่จะฟังการร้องเรียน การวิงวอนขอ และการนอบน้อมถ่อมตนต่อพระองค์ โดยยกมือทั้งสองข้างขึ้นในสภาพของบ่าวที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์

وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَيْءٍ مِّنَ الْخَوفْ وَالْجُوعِ وَنَقْصٍ مِّنَ الأَمَوَالِ وَالأنفُسِ وَالثَّمَرَاتِ وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ
ความว่า “และแน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยสิ่งหนึ่ง เช่น ความกลัว ความหิวโหย และการสูญเสีย ทรัพย์สมบัติ ชีวิต และพืชผล และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด” 2:155



ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้น จะได้รับการตอบแทน รางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยปราศจากการคำนวณ”



ความว่า “และแน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้า จนกระทั่งเราจะได้รู้ถึงบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนและบรรดาผู้หนักแน่นอดทนในหมู่พวกเจ้า”



อัลลอฮฺตะอาลาทรงกล่าวถึงเรื่องของการหนักแน่นอดทน ไว้ในอัลกุรอานถึง 90 กว่าแห่ง และทรงเพิ่มระดับชั้นและความดีต่าง ๆ ให้แก่ผู้ที่มีความหนักแน่นอดทน และทรงรวมบรรดาผู้ที่มีความหนักแน่นอดทนไว้กับคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น



ความว่า “ชนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการสรรเสริญและความเมตตาจากพระเจ้าของพวกเขา และชนเหล่านั้นแหละคือพวกที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง”



ในอายะฮฺนี้ อัลลอฮฺตะอาลาทรงกล่าวถึงคุณลักษณะที่ดีคือ แนวทางที่ถูกต้อง ความเมตตา และการสรรเสริญ ว่าเป็นคุณลักษณะของบรรดาผู้หนักแน่นอดทน



ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวเสริมมีความว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ให้เขาได้รับความดี พระองค์ก็จะทดสอบเขา”



อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ การสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ที่พระองค์ได้ประทานความกรุณาปรานีอย่างเหลือหลายให้แก่บ่าวของพระองค์ ซึ่งท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้แจ้งข่าวดีให้ทราบว่า



ความว่า “ไม่มีสิ่งใดประสบกับมุสลิม เป็นต้นว่าความเหนื่อยยาก การเจ็บไข้ได้ป่วย ความวิตกกังวล ความเศร้าโศกเสียใจ ภยันตราย และความระทมทุกข์ แม้กระทั่งหนามที่ไปทิ่มตำ เว้นแต่พระองค์จะทรงลบล้างความผิดของเขาให้หมดสิ้นไป”



บรรดานะบี อะลัยฮิมุสสลาม ต้องประสบกับการทดสอบและภัยพิบัติเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไป หรือจะถูกทดสอบมากกว่าเสียอีก มีรายงานจากอะบีสะอี๊ดอัลคุดรีย์  แจ้งว่า "ฉันได้กล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ มนุษย์ประเภทไหนที่ถูกทดสอบหนักยิ่ง? ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า บรรดานะบีคนดีมีคุณธรรม จะมีคนหนึ่งในหมู่พวกเขาถูกทดสอบด้วยความยากจน จนกระทั่งจะไม่มีอะไรครอบครองเลยนอกจากเสื้อคลุมเท่านั้น และจะมีอีกคนหนึ่งในหมู่พวกเขาดีใจที่ได้ประสบกับการทดสอบหรือภัยพิบัติ เสมือนกับว่าคนหนึ่งในหมู่พวกท่านดีใจเมื่อเขามีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง”



ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า



ความว่า “เป็นที่ประหลาดยิ่ง เรื่องของคนมุอฺมิน การงานของเขาทั้งหมดนั้นมีแต่ความดี ความดีนั้นจะไม่ได้แก่ใครนอกจากคนมุอฺมิน เมื่อเขาได้รับความสุขสมบูรณ์เขาก็ขอบคุณ และเมื่อเขาได้รับความทุกข์ยากเขาก็อดทนหนักแน่น ก็เป็นการดีแก่เขาอีกเช่นกัน” เมื่อท่านได้รับภัยพิบัติหรือการทดสอบ เป็นการดียิ่งแก่ท่านที่จะปกปิดมัน จนกระทั่งคิดเสียว่ามันมิได้เกิดขึ้นกับท่าน คนมุอฺมินที่ดีนั้นคือผู้ยอมรับการทดสอบ โดยตระหนักอยู่เสมอว่า มันมาจากอัลลอฮฺมิได้มาจากการกระทำของมนุษย์คนใด แล้วเขาก็พยายามปกปิดมันเท่าที่จะกระทำได้



ส่วนหนึ่งจากการอดทนหนักแน่นที่สมบูรณ์ก็คือ ท่านจะต้องปกปิดมิให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่าน



ท่านหะซัน อิบนุ อะเราะฟะฮฺ ได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในสมัยท่านอิหม่ามอะหมัด อิบนฺ ฮัมบัล โดยกล่าวว่า



"ฉันได้เข้าไปเยี่ยมอิหม่ามอะหมัด อิบนฺ ฮัมบัล หลังจากที่ท่านถูกทดสอบอย่างหนัก ฉันได้กล่าวกับท่านว่า โอ้อะบูอับดุลลอฮฺ ท่านนั้นอยู่ในตำแหน่งบรรดานะบี ท่านได้กล่าวกับฉันว่า จงนิ่งเสียเถิด แท้จริงฉันได้เห็นผู้คนเขาขายศาสนาของเขา และฉันได้เห็นบรรดาคนรู้ที่ฉันรู้จักและอยู่ในรุ่นเดียวกับฉันกล่าวกันเช่นนั้นและก็เห็นชอบด้วย ฉันจึงกล่าวว่า แล้วฉันคือใคร และฉันเป็นอะไร? ฉันจะตอบพระเจ้าของฉันว่าอย่างไรในวันพรุ่งนี้ (หมายถึงวันกิยามะฮฺ) พระเจ้าจะถามฉันว่า เจ้าได้ขายศาสนาของเจ้าเหมือนกับคนอื่น ๆ เขาขายกันใช่ไหม? ฉันครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็มองไปยังดาบและแส้ แล้วฉันก็เลือกมันทั้งสอง ถ้าหากฉันตายไปก็จะไปหา พระเจ้าของฉัน เพื่อที่ฉันจะกล่าวกับพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ถูกเรียกไปเพื่อที่เขาจะบังคับให้ข้าพระองค์กล่าวในคุณลักษณะของพระองค์ว่าเป็นสิ่งที่ถูกบังเกิดใหม่” แล้วฉันก็ไม่ยอมกล่าว เขาจึงจับฉันไปและเป็นหน้าที่ของเขา หากเขาประสงค์เขาก็จะลงโทษฉัน หากเขาประสงค์เขาก็จะอภัยและเมตตาแก่ฉัน อัลหะซันได้ถามต่อไปว่า ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าแส้ของพวกเขานั้น ได้ทำให้ท่านเจ็บปวดขนาดไหน?



ท่านอิหม่ามอะหมัดตอบว่า แน่นอน! ฉันได้ถูกเฆี่ยนมากกว่า 20 ครั้ง แล้วฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีกหลักจากนั้น ต่อมาฉันได้ถูกเฆี่ยนอีก 2 ครั้ง ฉันก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย หลังจากนั้นฉันได้มายืนละหมาดดุฮรฺ หะซันได้กล่าวว่า เมื่อฉันเห็นอิหม่ามอะหมัด ฉันก็ได้ร้องไห้ ท่านอิหม่ามได้กล่าวกับฉันว่าท่านร้องไห้ทำไม? หะซันตอบว่า “ฉันร้องไห้เพราะเหตุการณ์ที่ประสบกับท่าน” ท่านอิหม่ามได้ย้อนถามฉันมาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นจะไม่ทำให้ความผิดของฉันถูกลบล้างไปหรือ? ฉันไม่สนใจหรอกถึงแม้ว่าฉันจะตายไป”



หะซันได้กล่าวว่า “ท่านอิหม่ามอะหมัด อิบนฺ ฮัมบัล ถูกเฆี่ยนด้วยแส้ 50 ครั้ง ถ้าหากนำเอาช้างมาเฆี่ยนเช่นนั้นคงจะไม่รอดแน่”



ท่านอิหม่ามอะหมัด อิบนฺ ฮัมบัล เป็นผู้อดทนหนักแน่นอย่าง ยอดเยี่ยม เอานฺอิบนฺอับดุลลอฮฺ ได้กล่าวถึงท่านว่าท่านเป็นคนดีที่ไม่มีความชั่วมาปะปนเลย ท่านเป็นผู้ขอบคุณและสำนึกบุญคุณ เมื่ออยู่ในสภาพที่มีความสุขสบาย และเป็นผู้อดทนหนักแน่นเมื่ออยู่สภาพที่ถูกทดสอบ ส่วนใหญ่ของมนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ลืมหรือไม่รำลึกถึงการขอบคุณต่อความโปรดปรานทั้งคำพูดและการปฏิบัติ มนุษย์จะตกอกตกใจและตีโพยตีพายเมื่อประสบกับการทดสอบและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นการกระทำที่บ่งชี้ถึงการไม่ยอมรับสภาพว่าภัยพิบัติหรือการทดสอบนั้นมาจากอัลลอฮฺ ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่เขาจะต้องพอใจและสารภาพว่ามันเป็นกฎสภาวะที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ ดังนั้นเขาจะต้องอดทนหนักแน่นต่อเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น



ท่านค่อลีฟะฮฺ อุมัรอิบนฺค๊อฏฏ๊อบ ได้กล่าวว่า หากการอดทนและการขอบคุณเป็นพาหนะทั้งสองแล้ว ฉันจะไม่คำนึงถึง กล่าวคือ ฉันจะขี่มันทั้งสองชนิด



ซัลมานอัลฟาริซีย์ ได้กล่าวแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเขาว่า แท้จริง อัลลอฮฺตะอาลาทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ที่เป็นมุอฺมิน และพระองค์ทรงลงโทษเขาก็เพื่อจะเป็นการลบล้างความผิดของเขา แล้วเขาก็พอใจยอมรับสภาพและสำนึกถึงความผิดของเขาในอดีต และอัลลอฮฺตะอาลาทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ที่เป็นคนชั่วเลวทราม และพระองค์ทรงลงโทษเขาแต่บ่าวคนหลังนี้เปรียบเสมือนอูฐหรือฬาที่เจ้าของของมันจะจับมันผูกไว้หรือปล่อยให้เป็นอิสระมันจะไม่มีความรู้สึกเลยต่อสภาพดังกล่าว



ดังนั้นจำเป็นแก่มุอฺมินทุกคน จะต้องเป็นผู้ขอบคุณต่อความโปรดปรานหรือนิอฺมะฮฺที่ตนได้รับ และเป็นผู้อดทนหนักแน่นในยามประสบกับความทุกข์ยาก หันหน้าเข้าหาพระเจ้าของเขาในทุกสถานภาพในฮะดีสของอิบนฺอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุฮันฮุ รายงานจาก ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้กล่าวว่า



ความว่า “จงรำลึกถึงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะรำลึกถึงท่าน จงรำลึกถึงอัลลอฮฺ ท่านจะพบพระองค์อยู่ต่อหน้าท่าน จงรู้จักอัลลอฮฺในยามสุขสมบูรณ์ อัลลอฮฺจะรู้จักท่านในยามทุกข์ยาก”



ดังนั้นผู้ใดที่รู้จักอัลลอฮฺ หรือรำลึกถึงพระองค์ในยามที่ได้รับความสุข ความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺก็จะรำลึกถึงเขาและคุ้มครองเขาในยามที่เขาประสบกับความทุกข์ยากหรือได้รับ เคราะห์กรรม แต่พวกเรานั้นวิงวอนขอต่อพระองค์ในทุกครั้งที่ประสบกับภัยพิบัติ แล้วเราก็ลืมพระองค์เมื่อความทุกข์ยากและการทดสอบได้ผ่านพ้นไปแล้ว



ซัลมานอัลฟาริซีย์ ได้กล่าวว่า หากมนุษย์เป็นผู้หมกมุ่นอยู่กับการวิงวอนขอดุอาอฺในยามที่มีความสุขสบายแล้ว ต่อมาเมื่อความทุกข์ยากได้ประสบแก่เขา เขาก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺตะอาลาบรรดา มะลาอิกะฮฺจะกล่าวว่า เสียงนี้เป็นที่รู้จักและคุ้นเคย จงช่วยเหลือเขาเถิด และถ้าหากว่าเขาผู้นั้นมิได้เป็นผู้วิงวอนขอดุอาอฺในยามสุขสบายแล้ว เมื่อเขาประสบกับความทุกข์ยาก แล้วเขาก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺตะอาลา บรรดามะลาอิกะฮฺจะกล่าวว่า เสียงนี้ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่คุ้นเคย ดังนั้นอย่าช่วยเหลือเขาเลย