ดินแดนแห่งการอภัยโทษ (3)

Submitted by dp6admin on Sat, 07/11/2009 - 22:54

เมื่อเรานำบทเรียนจากหะดีษนี้มาวิเคราะห์ในชีวิตของเรา ปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับการเตาบัตกลับเนื้อกลับตัวนี้ เป็นปัจจัยที่เราต้องปฏิรูปความคิดแห่งแดนของการอภัยโทษ ซึ่งดินแดนแห่งการอภัยโทษอาจไม่ใช่ที่มักกะฮฺ เพราะดินแดนมักกะฮฺอาจเป็นความชั่วของบางคน เนื่องจากไม่ได้ทำความดีในดินแดนนั้นเลย 

มีเรื่องเล่าจากชาวมักกะฮฺว่า มีคนหนึ่งอยู่ที่มักกะฮฺมา 20 ปีไม่เคยเข้าไปละหมาดมัสญิดหะรอมเลย เมื่อเสียชีวิต ญาติจะแบกมัยยิตไปละหมาดญะนาซะฮฺที่มัสญิดหะรอม แต่ไม่สามารถเข้าประตูทุกประตูของมัสญิดหะรอมได้   ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า ดินแดนแห่งความดีจะปฏิเสธคนเช่นนี้  ดินแดนแห่งการอภัยโทษหรือดินแดนแห่งความดีสำหรับเราจะอยู่ที่ไหน ไม่สามารถบอกได้เพราะไม่มีดินแดนที่ระบุตายตัวว่าดินแดนนั้นจะอยู่ที่ไหน เมืองใด หรือประเทศใด แต่ที่อาลิมแนะนำให้คนๆ หนึ่งอพยพไปดินแดนอื่นเพราะดินแดนที่เขาอยู่นั้นมันสิ้นดีแล้ว  ถ้าไปดินแดนแห่งความดีก็จะช่วยเอื้อให้เขาทำความดี วัตถุประสงค์ของผู้รู้ที่สอนฆาตกร คือให้ละทิ้งดินแดนที่อยู่กับคนชั่วซึ่งจะเอื้อให้ทำความชั่ว 

อีกเรื่องที่เราต้องปฏิรูปความเข้าใจของเราเกี่ยวกับแดนแห่งการอภัยโทษคือ บางครั้งเราอพยพไปไหนไม่ได้ ก็ต้องสร้างดินแดนแห่งความดี ดินแดนแห่งการอภัยโทษของเรา อยู่ที่ไหนที่ทำให้เราละทิ้งความชั่วและขยันทำความดี อย่าอยู่กับคนชั่ว อย่าอยู่กับบรรยากาศที่เอื้อให้ทำความชั่ว แต่ให้ไปอยู่ในบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้ทำความดี  เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องขยายดินแดนแห่งการอภัยโทษ ถ้ามุสลิมไม่กล้าหาญที่จะขยายแดนแห่งความดี ขยายเนื้อที่แห่งศีลธรรม แน่นอนคนที่ขยายดินแดนแห่งความชั่ว ก็กำลังทำหน้าที่ของเขาอยู่

การขยายดินแดนแห่งความดีเป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ศรัทธา เพราะดินแดนทั้งหมดเป็นของอัลลอฮฺ    และพระองค์ได้ทรงประกาศแก่บรรดานบีและรอซูลทั้งหลายให้บอกกับประชาชาติทั้งหลายว่า “สูเจ้าอย่าก่อความเสียหายในแผ่นดิน ภายหลังจากที่แผ่นดินได้รับการแก้ไขแล้วด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺ” อย่างไรก็ตาม จะมีคนต่อต้านกระแสนี้  ซึ่งแน่นอนการขยายความชั่ว บางคนอาสาเป็นลูกน้องของชัยฏอน เป็นคนชั่วอยู่ในแนวหน้า กล้าหาญ ขยายบารมีความชั่วเป็นแบบฉบับ  แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงเป็นคนดีแล้วกลับเก็บตัว ไม่กล้าทำอะไร  ซึ่งท่านอุมัร อิบนุลค็อฏฏ็อบ เคยบ่นว่า “ฉันแปลกใจจริงๆ ไฉนเลยคนชั่วถึงกล้าหาญที่จะขยายอำนาจแห่งความชั่ว แต่มุอฺมินกลับอ่อนแอยอมแพ้ง่าย” อันเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏในสังคม เวลามุอฺมินต่อสู้เพื่อสัจธรรม เสียงดังเพื่อความจริง ถูกกล่าวหาว่าก้าวร้าว ไม่มีมารยาท แต่เมื่อคนชั่วเสียงดังอย่างหยาบคาย ผู้คนต่างพากันบอกว่า อย่าไปยุ่งเขา ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่เคยศึกษาประวัติของท่านนบี   และไม่รู้มารยาทของผู้รู้ผู้ศรัทธาที่แท้จริง

มีหะดีษบันทึกโดยบุคอรียฺระบุว่าทุกครั้งที่ท่านนบี  ขึ้นมิมบัรปราศรัย ท่านจะหน้าแดงตาแดง พูดเสียงดังเตือนประชาชนตลอดว่า “ข้าพเจ้าเตือนพวกเจ้าเรื่องนรก” ผู้รู้ที่มีศีลธรรม หากปะทะกับคนชั่ว มักจะถูกกันไว้ไม่อยู่ในแนวหน้า  ซึ่งไม่ใช่แบบอย่างของท่านนบี  เป็นข้อแตกต่างที่เราต้องคำนึงเกี่ยวกับบุคลิกภาพของคนที่จะพิชิตเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ศรัทธาที่ต้องยึดดินแดนของอัลลอฮฺ   ที่ถูกนำไปเปิดบาร์เปิดคลับให้กลับคืนมาสู่คุณธรรม

ทุกวันนี้พวกชาตินิยมในยุโรปแค้นมุสลิมเหลือเกิน เพราะสร้างโบสถ์ใหญ่โตไม่มีคนเข้า จนต้องปิดประกาศให้เช่า  เมื่อมุสลิมไปเช่าเปลี่ยนเป็นมัสญิด ก็มีมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมามัสญิดกันมากมาย ดินแดนแห่งความชั่วกำลังถูกยึดคืนให้เป็นดินแดนแห่งความดี พวกเขารับไม่ได้ ข้อมูลล่าสุดที่พวกชาตินิยมในยุโรปกำลังรณรงค์กระจายในโลกตะวันตกคืออิสลามกำลังขยายไปในประเทศยุโรป จนกระทั่งติดอันดับแรกของศาสนาที่ถูกเผยแผ่ในโลกตะวันตก เช่น เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ฮอลแลนด์ ฯลฯ มุสลิมที่ไปอยู่ในยุโรปกำลังขยายอิสลามกับชาวบ้านที่เป็นชาวยุโรปแท้ๆ ผิวขาว  อิสลามที่กำลังปักหลักอยู่ในดินแดนในประเทศยุโรปเป็นอิสลามที่แท้จริง เป็นสัจธรรม ทำให้เขากลัวว่า วันหนึ่งประเทศของเขาอาจกลายจะเป็นประเทศมุสลิมก็เป็นได้

ห่างจากสำนักวาติกัน เมืองหลวงของสถาบันโบสถ์ชาวคาทอลิกของศาสนาคริสต์ 10 กิโลเมตร กำลังสร้างมัสญิดใหญ่ที่สุดในประเทศยุโรป พวกเขาแค้นมาก เพราะสันตะปาปาคนเก่าไม่อนุญาตให้สร้างมัสญิดที่กรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี เว้นแต่รัฐบาลประเทศซาอุดิอาระเบียจะอนุญาตให้สร้างโบสถ์ที่เมืองมักกะฮฺ แต่มุสลิมที่กรุงโรมก็ต่อสู้จนได้รับใบอนุญาตให้สร้างมัสญิด ซึ่งการสร้างมัสญิดที่เมืองหลวงของอิตาลีนี้เป็นสัญญาณหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจมากเพราะ ท่านนบี   ได้กล่าวว่า “เมืองหลวงแห่งศาสนาคริสต์(นิกายออร์โธดอกซ์)จะถูกพิชิตก่อน (คือเมืองกุสตอนตีนียะฮฺ ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอุษมานียะฮฺ(ออตโตมาน) คือเมืองอิสลามบูล ปัจจุบันเรียกว่า อิสตันบูล)  ถัดจากนั้นก็คือ เมืองหลวงของศาสนาคริสต์อีกนิกาย (คือพวกโรมันหรือนิกายคาทอลิค)” (หะดีษบันทึกโดยอิมามอะหมัด) 

ท่านนบี   บอกไว้ว่าต้องพิชิตแน่  เราก็ต้องเชื่อว่าวันหนึ่งยุโรปจะกลายเป็นดินแดนแห่งการอภัยโทษ แห่งสัจธรรมของอิสลาม  นอกจากนี้ท่านนบี   ยังได้กล่าวว่า “วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้นจนกระทั่ง บ้านทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์หรือบ้านที่สร้างด้วยปูนหรือดิน อิสลามก็ต้องเข้าบ้านนั้นในโลกนี้ทั้งหมดก่อนวันกิยามะฮฺ” จึงเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าเมื่อใดเท่านั้น ที่ปรากฏให้เห็นแล้วคือปัจจุบันอิสลามกำลังขยาย ส่วนใครเป็นผู้นำสัจธรรมอิสลามไปให้คนอื่นที่ไม่รู้จักอิสลาม และใครที่กำลังกีดกั้นอิสลามโดยทำให้สังคมวุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระขัดขวางไม่ให้ทำงานเพื่อขยายอิสลาม เราก็ต้องมาวิเคราะห์ดู

จุดยืนที่เราต้องเข้าใจคือแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของอัลลอฮฺ   และอัลลอฮฺ  ทรงสั่งให้บรรดาผู้ศรัทธาทำหน้าที่เผยแผ่สัจธรรมให้ดินแดนนี้เป็นดินแดนบริสุทธ์ทุกตารางนิ้ว เราจะทำมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของเรา เราต้องเริ่มต้นที่แดนของเรา ไม่ว่าจะเป็นที่นั่ง ที่ยืน ที่นอน แม้กระทั่งที่ถ่ายปัสสาวะอุจจาระของเรา ก็เป็นแดนที่เราต้องทำให้เป็นดินแดนแห่งสัจธรรม อิสลามสอนให้ทำอย่างไร ก็ทำตรงนั้นตามหลักการศาสนา ดินแดนนั้นก็จะเป็นดินแดนแห่งสัจธรรม ดินแดนแห่งการอภัยโทษ ฉะนั้นที่ท่านนบี   สอนไว้ให้กล่าวอย่างไรก่อนเข้าห้องน้ำและเมื่อออกจากห้องน้ำ เราก็ต้องทำ นั่นแสดงว่าทุกดินแดนทุกสถานที่ย่อมเป็นดินแดนแห่งการปฏิบัติศาสนกิจต่ออัลลอฮฺ    เรามีหน้าที่ต้องปฏิรูปชีวิตของเราให้เข้าสู่ระบอบของอัลอิสลาม มากน้อยตามความสามารถและความตั้งใจของเรา อย่างน้อยก็ชีวิตเรา ครอบครัวของเรา ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ เพื่อนบ้าน เท่าที่ทำได้

เราต้องตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะทำอะไรเพื่อให้สัจธรรมอิสลามได้ปรากฏในโลกนี้ด้วยน้ำมือของเรา และขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ   ให้พระองค์ทรงช่วยเหลือในสิ่งที่เราบกพร่องไม่สามารถทำได้  ขอต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ให้เราได้มีเกียรติ เป็นผู้ที่เผยแผ่สัจธรรม เป็นผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความจริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า
 

أقول قولي هذا و استغفر الله العظيم و لي و لكم   وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه وسلم  والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته