สู่อีหม่านที่มั่นคง ตอนที่ 59 บาปใหญ่ตอนที่ 3
พี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพทั้งหลายครับ อัสสลามุอลัยกุมวะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮ์
เรื่องบาปใหญ่หรือกะบีเราะฮ์ก็ยังคงมีบางประการที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของบาปใหญ่กับการกระทำต่างๆ ของบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งเมื่อเราได้ทำบาปใหญ่หรือมีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับมันแล้ว บางคนอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นการกระทำระหว่างเรากับอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา เท่านั้น แต่แท้ที่จริงนั้น การทำบาปใหญ่เป็นพฤติกรรมที่จะทำให้มุอ์มินนั้นเสียหาย และอาจจะเสียถึงสังคมด้วยเพราะบาปใหญ่นั้นจะกระทบอีหม่านและชื่อเสียงของเขาในสังคม นี่คือลักษณะของบาปใหญ่ มันเป็นพฤติกรรมอันเลวร้ายที่จะทำให้มุอ์มินนั้นเสียหาย เช่น การกินดอกเบี้ย การผิดประเวณี การดื่มสุรา เป็นต้น เพราะฉะนั้นหากเราตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และอันตรายของกะบีเราะฮ์ การระมัดระวังก็จะเกิดขึ้นสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่ต้องหลีกเลี่ยงจากเรื่องบาปใหญ่
ผมอยากจะแนะนำกับพี่น้องถึงบาปใหญ่ต่างๆ ที่ถูกระบุในหนังสือ “อัลกะบาอิร” ของอิมามชัมสุดดีน อัซซะฮะบี ซึ่งได้ระบุถึงบาปใหญ่ต่างๆ ที่ศาสนาได้ห้ามและเตือนไว้ เพื่อให้เราได้ศึกษาถึงสิ่งที่จะกระทบอีหม่าน หรือทำให้มันเสียหาย รวมถึงชื่อเสียงของเราในสังคมด้วย การศึกษาเรื่องนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอีหม่านของเรา และยังเพิ่มเติมให้อีหม่านของเรานั้นมั่นคง
บาปใหญ่ชนิดแรกที่ศาสนาเตือนไว้ไม่ให้เรากระทำก็คือ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ซึ่งเราเคยพูดคุยกันไปแล้วบางส่วน แต่มุสลิมบางคนอาจยังไม่เข้าใจว่า ในเมื่อมุสลิมคนหนึ่งได้กล่าวปฏิญาณตนแล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์และมุฮัมมัดคือศาสนทูตของพระองค์ เมื่อประกาศเช่นนี้แล้วเขาจะตกไปสู่การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ได้อย่างไร แต่หากว่าเราทราบว่าบางลักษณ์ของชิริกนั้นอาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราโดยไม่รู้สึกตัว นั่นคือสิ่งที่เราต้องศึกษาว่าเป็นอย่างไร
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เตือนว่า ชิริกนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายและจะทำให้ผู้ที่กระทำนั้นตกนรกตลอดกาล
แต่ชิริกนั้นมีสองประเภทคือแบบใหญ่และเล็ก หมายความว่าการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์นั้นจะมีสองลักษณะ คือ แบบที่ชัดเจน เช่น การที่บุคคลหนึ่งได้นำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือมนุษย์หรือหลักคิดทางคุณธรรมหรือปรัชญาใดๆ มาเคารพภักดีหรือบูชาอื่นไปจากอัลลอฮ์ เช่น บางคนที่กราบวัตถุ รูปเจว็ด ก็เป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ที่เข้าข่ายชิริกใหญ่ ที่จะทำลายอีหม่านให้สิ้นสุดจนไม่เหลืออยู่เลย แม้จะเป็นการวิงวอนขอต่อบุคคลที่มีความดีมากก็ตาม เช่น ขอดุอาอ์ต่อมนุษย์คนนั้นคนนี้ให้เราหายป่วย ให้ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นเรื่องนี้ สิ่งนี้ยังมีอยู่ในประชาชาติอิสลาม การที่มุสลิมไปหาบรรดาคนดีเพื่อวิงวอนขอต่อพวกเขาโดยไม่ยอมวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงด้านความรู้ ความเคร่งครัด ความสมถะ ดังที่เราจะได้เห็นว่ามีบางแหล่งที่มีมัสญิดซึ่งมีคนดีถูกฝังอยู่ในนั้นแล้วทำเป็นมะกอมหรือบะรีห์เอาไว้ แล้วก็จะมีคนมาละหมาด มาดุอาอ์จากคนดีที่ตายแล้วคนนี้ ขอโดยตรงต่อเขาให้ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ในชีวิตของเขา
ลักษณะนี้บรรดานักปราชญ์อิสลามมีมติเอกฉัณฑ์ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม ขัดหลักการและต้องถูกต่อต้านไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมมุสลิม บางคนอาจไม่เข้าใจว่ามันจะกระทบอีหม่านอย่างไร เพราะบางคนกล่าวว่าเราตั้งคนดีเหล่านี้เป็นสื่อไปสู่อัลลอฮ์ เพราะเรามีความผิดมาก เราไม่สามารถดุอาอ์โดยตรงต่ออัลลอฮ์ได้ นี่คือชิริกที่เกิดขึ้นในยุคของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม บรรดาผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ได้บอกกับท่านนบีว่าบรรดาเจว็ดที่เรากราบสักการะเคารพภักดีต่อมันก็เพราะมันเป็นสื่อไปสู่พระผู้เป็นเจ้า
مَا نَعْبُدُهُمْ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَآ إِلَى ٱللَّـهِ زُلْفَىٰٓ
ความว่า “(พวกเขาจะกล่าวว่า) เราไม่ได้สักการะต่อบรรดาเจว็ดเหล่านั้นเว้นแต่เป็นตัวแทนระหว่างเรากับอัลลอฮ์เท่านั้น” (ส่วนหนึ่งของอายะฮ์ที่ 3 สูเราะฮ์อัซซุมัร)
เพราะฉะนั้นการที่จะสักการะบูชาวัตถุบางอย่างโดยอ้างว่าเป็นสื่อระหว่างเรากับพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น ก็ถือเป็นชิริกอย่างหนึ่ง แม้เราจะอ้างว่าเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์ก็ตาม เพราะชิริกคือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ หมายถึง ยอมรับในอัลลอฮ์ แต่ก็ยังมีภาคี มีผู้อื่นนอกจากอัลลอฮ์ที่ได้รับการเคารพภักดี
การที่จะตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์โดยที่ยังอ้างตนว่าเป็นมุสลิมนั้นยังเกิดขึ้นในสังคมโดยบางคนไม่รู้สึกตัว แต่การที่มุสลิมนั้นได้ประกาศตนว่าเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ สุบหานะฮูวะตะอาลา ก็หมายถึงว่าเขาจะต้องมอบตัวว่าเป็นบ่าวของพระองค์โดยที่ไม่มีสิ่งใดจะปกครองชีวิตของเขาและจะนำชีวิตของเขาไปสู่ความสำเร็จได้ นอกจากพระองค์เท่านั้น
ฝากไว้กับพี่น้องเพียงเท่านี้ครับ วัสสลามุอลัยกุมวะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุฮ์
- Printer-friendly version
- Log in to post comments
- 136 views