สะอีด อิบนฺ อามิร อัลญุมะฮีย์ : ผู้ยิ่งใหญ่ภายใต้เสื้อที่ขาดรุ่งริ่ง 2

Submitted by dp6admin on Fri, 21/12/2018 - 20:57

ต่อมาอีกระยะหนึ่ง ค่อลีฟะฮฺ อุมัร อิบนฺ อัลค็อฏฏ็อบ ก็ได้มาเยือนประเทศชาม เพื่อตรวจสอบทุกข์สุขของประชาชน เมื่อเดินทางมาถึงเมือง "ฮิมศฺ" และพำนักอยู่ที่นั่น ชาวเมืองนั้นก็ทยอยกันเข้ามาเยี่ยมคาราวะแด่ค่อลีฟะฮฺ ท่านได้ถามชาวเมืองว่า พวกท่านเห็นเป็นอย่างไรกับผู้ครองเมืองของพวกท่าน ชาวเมืองนั้นก็พากันร้องเรียนต่อค่อลีฟะฮฺ ถึงข้อบกพร่อง 4 ประการ ที่มีในตัวของสะอีดผู้ครองเมือง "ฮิมศฺ" แต่ละเรื่องเป็นที่น่าตำหนิไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย

 
อุมัรได้กล่าวว่า ขอให้ไปเรียกสะอีด และชาวเมืองฮิมศฺมาพบปะกัน และฉันขอพรต่ออัลลอฮฺตะอาลา อย่าให้ฉันต้องประสบความผิดหวังในตัวสะอีดเลย เพราะฉันมีความเชื่อมั่นต่อเขามาก เมื่อทั้งสองฝ่ายได้มาพร้อมหน้ากัน ฉันได้กล่าวขึ้นว่า พวกท่านจะมีอะไรมาร้องเรียนเกี่ยวกับผู้ครองเมืองของพวกท่านก็จงกล่าวมา พวกเขากล่าวว่า 
 
ข้อที่หนึ่ง เขา (หมายถึงสะอีด) ไม่ออกจากบ้านมาทำงานจนกว่าตะวันจะโด่งแล้ว อุมัรได้กล่าวถามสะอีดว่า ท่านมีอะไรจะแก้ข้อกล่าวหาบ้างไหม โอ้ ! สะอีดเอ๋ย !? เขาหยุดนิ่งอยู่ขณะหนึ่งแล้วกล่าวว่า ฉันขอสาบานด้วยพระนามอัลลอฮฺ ฉันไม่อยากที่จะแก้ตัวแต่อย่างใด แต่ในเมื่อจำเป็นฉันก็จะขอกล่าวว่า ที่บ้านของฉันไม่มีคนรับใช้ ทุกๆ เช้าฉันจะทำหน้าที่เป็นคนนวดแป้ง แล้วก็คอยจนกระทั่งผิงเป็นขนมปังเสร็จ หลังจากนั้นฉันก็จะอาบน้ำละหมาด แล้วก็ออกไปทำงาน
 
อุมัรกล่าวแก่ประชาชนที่มารับฟังต่อไปว่า พวกท่านมีอะไรจะร้องเรียนอีก ? พวกเขากล่าวต่อไปว่า :
 
ข้อที่สอง เขาไม่ต้อนรับผู้ร้องเรียนคนใดในเวลากลางคืน อุมัร กล่าวถามสะอีดต่อไปว่า อะไรคือข้อแก้ตัวของท่านเล่า โอ้ สะอีดเอ๋ย !เขากล่าวว่า ข้อนี้ก็เหมือนกันฉันไม่อยากจะแก้ข้อกล่าวหานี้เลย แต่ก็เอาละฉันจะแจ้งให้ทราบว่า ในเวลากลางวันฉันได้รับใช้พวกเขามาทั้งวัน ส่วนกลางคืนก็ควรจะเป็นของอัลลอฮฺตะอาลาบ้างซิ !
 
แล้วอะไรอีกเล่าที่พวกท่านจะร้องเรียนในข้อต่อไป? พวกเขากล่าวว่า :
 
ข้อที่สาม เขาไม่ออกไปทำงานหนึ่งวัน ในรอบเดือนหนึ่ง โอ้! สะอีดเอ๋ย ! อะไรคือข้อแก้ตัวของท่านสะอีดกล่าวว่า ฉันไม่มีคนรับใช้ ท่านอะมิรุลมุอฺมินีนที่รัก ฉันไม่มีเสื้อตัวอื่น นอกจากตัวที่ฉันสวมใส่อยู่นี้ เดือนหนึ่งฉันซักมันครั้งหนึ่ง เมื่อฉันซักฉันก็ต้องรอให้มันแห้ง แล้วฉันก็ออกไปหาพวกเขาในเวลาเย็น
 
อุมัรกล่าวอีกว่า มีอะไรร้องเรียนอีกไหม? พวกเขากล่าวว่า
 
ข้อที่สี่ สภาพของการลืมตัวจะเกิดขึ้นกับเขาเป็นบางครั้งบางคราวแล้วเขาก็ไม่ใยดีกับผู้ที่นั่งอยู่กับเขา มันเกิดอะไรขึ้นกับท่าน โอ้ ! สะอีดเอ๋ย ! อุมัรกล่าวกับเขาในที่สุดเขากล่าวว่า เมื่อครั้งฉันเป็นมุชริก ฉันได้ไปร่วมสังเกตการณ์การสังหาร คุไบบ อิบนฺ อะดียฺ ฉันได้เห็นพวกกุเรชทรมานเขา ทั้งฟันทั้งแทง แล้วพวกเขากล่าวขึ้นว่า ท่านจะพอใจหรือที่จะให้มุฮัมมัดมายืนแทน เพื่อให้ท่านรอดพ้นจาการทรมานครั้งนี้ ?
 
คุไบบกล่าวว่า "ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันไม่ปรารถนาที่จะได้รับความปลอดภัย และมีความสุขท่ามกลางครอบครัวของฉัน โดยปล่อยให้มุฮัมมัดได้รับอันตรายแม้กระทั่งถูกหนามตำ.."
 
ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่า ทุกครั้งที่ฉันรำลึกถึงวันนั้น ว่าทำไมฉันจึงนิ่งเฉยไม่ช่วยเหลือเขา ฉันจึงหวั่นเกรงว่า อัลลอฮฺตะอาลา จะไม่ทรงยกโทษให้แก่ฉัน.. และนี่แหละคือสภาพการลืมตัวที่ประสบแก่ฉันเป็นบางครั้งบางคราว เมื่อฉันรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
 
เมื่ออุมัรได้ยินคำกล่าวแก้ตัวของสะอีดจบลง เขาก็กล่าวขึ้นว่า อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ เขาไม่ทำให้ฉันผิดหวัง แล้วก็ได้ส่งเงินจำนวนหนึ่งพันดีนารให้แก่เขาเพื่อช่วยเหลือในการใช้จ่าย เมื่อภรรยาของสะอีดเห็นเงินจำนวนดังกล่าว ก็กล่าวขึ้นว่า อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ที่ได้ให้เราได้พักผ่อนจากการทำงานครั้งนี้เสียที เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อสะเบียง และหาคนรับใช้มาอยู่กับเราสักคนหนึ่ง สะอีดได้กล่าวกับภรรยาของเขาว่า เธอไม่อยากได้อะไรที่ดีไปกว่านั้นรึ ? นางกล่าวว่า : อะไรเล่า ? เขาตอบว่า : เราจ่ายเงินนี้ให้แก่ผู้ที่มาหาเรา ในขณะที่เราก็มีความต้องการเงินจำนวนนี้ นางกล่าวว่า : ทำอย่างไร ? เขาตอบว่า : เราให้อัลลอฮฺขอยืมเงินจำนวนนี้ไงเล่า ? นางกล่าวว่า : ดีแล้ว ท่านจะได้รับการตอบแทนที่ดีก่อนที่สะอีดจะออกจากที่ชุมนุมวันนั้น เขาได้จัดการกับเงินจำนวนนั้น โดยจัดทำเป็นถุงเล็กๆหลายๆถุง แล้วก็กล่าวกับชายคนหนึ่ง ณ ที่นั้นว่า จงนำเงินถุงนี้ไปมอบให้แม่หม้ายคนนั้น และบรรดาเด็กกำพร้าเหล่านั้น และคนยากจนตระกูลนั้น และผู้ขัดสนตระกูลนั้นๆ
 
นี่คือชีวประวัติของสาวกคนหนึ่ง ที่กลัวว่าโลกดุนยาจะทำให้เกิดฟิตนะฮฺขึ้นในบ้านของเขา และจะมาทำลายล้างโลกอาคิเราะฮฺที่เขายึดเป็นเป้าหมาย และชะตากรรมของเขา เราท่านที่กำลังลืมตัวตะเกียกตะกายกันจนไม่มีเวลาคิดถึงอาคิเราะฮฺเท่าที่ควร และคิดว่าความตายยังห่างไกลจากตัวเรานั้น ขอได้โปรดใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อทบทวนชีวิตของตัวเอง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับเสี้ยวหนึ่งของชีวิตบรรดาศ่อฮาบะฮฺดูบ้าง เชื่อว่าเปอร์เซ็นต์แห่งการลืมตัวคงจะลดลงไม่มากก็น้อย อินชาอัลลอฮฺ