ศาสดาที่สัจจริง เสียงเรียกร้องที่จริงใจและบริสุทธิ์ พระเจ้าที่ทรงปรีชาญาณ

Submitted by admin on Mon, 27/07/2015 - 12:52
ศาสดาที่สัจจริง
เสียงเรียกร้องที่จริงใจและบริสุทธิ์
พระเจ้าที่ทรงปรีชาญาณ
 
สามประการนี้เพียงพอสำหรับเราในการเริ่มต้นค้นหาสัจธรรม ถ้าแม้นว่าท่านศาสดาผู้นี้เป็นผู้โกหกแล้ว เป็นไปได้หรือที่เขาจะหลอกลวงคนจำนวนพันล้านคน!!??
ถ้าแม้นว่า “เสียงเรียกจากพระเจ้า” ดังกล่าวไม่บริสุทธิ์แล้ว เป็นไปได้หรือที่เขาจะสามารถชี้ทางนำและสั่งสอนให้ผู้คนล้านๆคนปฏิบัติตามได้!!??
ถ้าแม้นว่าพระเจ้าที่แท้จริงองค์นี้ไม่มีอยู่จริงแล้ว อะไรอื่นเล่าที่จะสามารถอธิบายเรื่องราวของการมีชีวิตและการมีอยู่ของสรรพสิ่งทั้งหลายได้ 
 
เราจะละทิ้งสามสิ่งนี้และเฉยเมยต่อสติสัมปชัญญะของเราแล้วกลับไปศรัทธายึดมั่นต่อรูปปั้น เทวรูป เครื่องรางของขลังอย่างนั้นหรือ??
หากเราคิดว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องไม่สำคัญในชีวิตเรา เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องศึกษาและค้นหาแล้ว เราจะยังมีสติที่สมบูรณ์อีกหรือ!!??
เราจะปฏิเสธสติสัมปชัญญะและสมองที่ฉลาดของเราแล้วกลับไปยึดถือกับสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้ยึดถือกันมาอย่างหูหนวกตาบอดหรือ!!??
เราจะกลับไปเชื่อและศรัทธาต่อสิ่งที่อ่อนแออยู่อีกหรือ??เราจะกลับไปบูชาผู้ที่ไร้อำนาจและต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่อีกหรือ??
เราจะกลับไปเคารพสักการะผู้ซึ่งไร้ความสามารถแม้แต่จะปกป้องตัวเองกระนั้นหรือ ??
 
สัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนอยู่ในคำพูดของมนุษย์บางคนที่มีบุญคุณต่อสังคม หรือซ่อนอยู่ในความเชื่อที่มีต่อมนุษย์ที่ถูกตรึงการเขนเพื่อเป็นเครื่องบูชายันให้มนุษย์ได้หลุดพ้น..เป็นไปไม่ได้ที่สัจธรรมอันยิ่งใหญ่นั้นซ่อนอยู่ในแนวคิดหรือปรัชญาที่เรียกร้องให้มนุษย์บูชามนุษย์ด้วยกัน หรือบูชาประชาชนทั้งหมด หรือบูชากลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แต่สัจธรรมอันยิ่งใหญ่นั้นคือการนำไปสู่การเคารพสักการะพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว ผู้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างต้องยอมสยบและนอบน้อมเสมือนที่อะตอมของสสารยึดจับกับนิวเคลียส หรือระบบสุริยจักรวาลที่ต้องพึ่งพาดวงอาทิตย์เป็นแกน เพราะฉะนั้นเกณฑ์ที่จะตัดสินว่าใครดีกว่าใครนั้นก็คือสัจธรรมที่คนหนึ่งมีอาจมากกว่าอีกคนหนึ่งแต่ไม่ใช่เชื้อชาติ ไม่ใช่สีผิว กล่าวคือคนที่ประเสริฐและมีความสุขที่สุดนั้นคือผู้ที่ยินยอมน้อมรับสัจธรรมด้วยสติและหัวใจของเขา
 
ดังนั้นหากเจ้าต้องการที่จะรู้จักกับสัจธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ก็จงพยายามอ่าน คิดและตรึกตรองถ้อยคำต่อไปนี้อย่างละเอียดลึกซึ้ง พร้อมกับทำความเข้าใจกับความหมาย เรื่องราว หลักฐานและเหตุผลที่เราได้กล่าวมาในข้อเขียนนี้..และจงกล่าวเถิดว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ...มุฮัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ”
 
ขอจงพยายามกล่าวประโยคเหล่านี้ซ้ำหลายๆครั้งและจงใคร่ครวญตรึกตรองความหมายของมัน ถ้าหากเจ้ายังรู้สึกว่าหัวใจของเจ้ายังคงปิดอยู่ ก็จงบอกกับพระเจ้าที่แท้จริงองค์นี้ด้วยหัวใจว่า
“โอ้ ผู้ที่สร้างฉัน ให้ปัจจัยยังชีพแก่ฉัน...โอ้ผู้ที่มีอำนาจเหนือฉัน ควบคุมการงานของฉันในทุกๆสิ่ง ได้โปรดอย่างทอดทิ้งฉันอย่างโดดเดี่ยวในโลกนี้..แท้จริงฉันกำลังค้นหาพระองค์ ฉันต้องการพระองค์ พระองค์เท่านั้นคือผู้ที่สามารถปลดปล่อยฉันจากสิ่งที่ฉันประสบอยู่..พระองค์เท่านั้นคือผู้ที่ฉันไว้วางใจและให้ความหวังและรอคอยการช่วยเหลือในยามฉันลำบาก.. .
 
จงกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า لا إله إلا الله  (อ่านว่า ลา อิ ลา ฮะ อิล ลัลลอฮฺ แปลว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) محمد رسول الله (อ่านว่า มุฮัมมะดุร รอซูลุลลอฮฺ แปลว่า มุฮัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ)
 
แน่นอนว่าหากเจ้ากล่าวถ้อยคำเหล่านี้แล้ว เจ้าจะเริ่มซึมซับและเข้าถึงความหมายของมัน และมันจะสิงสถิตย์ยังหัวใจของเจ้า...จงใกล้ชิดกับมันเถิด...จงกล่าวมันซ้ำๆกันหลายๆครั้งเถิด...แล้วซักวันหนึ่งเจ้าจะพบว่าถ้อยคำเหล่านี้แหละที่จะเป็นหนทางของความสุขนิรันดร์ ความสำเร็จและความอยู่รอดปลอดภัยจากการทรมาน..เจ้าจะพบว่าคำนี้แหละคือทางออกสำหรับทุกๆปัญหาของมนุษย์..มันเป็นบทสรุปของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสงสัย..เป็นคำตอบที่ชัดแจ้งของทุกอย่าง..มันเป็นความลับของการมีชีวิต..เป็นสิ่งที่จะเยียวยารักษาความกลัว ความกังวลที่มีอยู่ในจิตใจเรา..มันเป็นสิ่งที่จะทำให้จิตใจของเราสงบ..มันจะนำความปรีดาปราโมทย์มาสู่เรา..มันเป็นถ้อยคำแห่งสัจธรรม..เป็นถ้อยคำของผู้มีสติ ผู้มีความคิดที่รู้จักคิด ตรึกตรอง และค้นหาสัจธรรมอย่างแข็งขัน มันคือถ้อยคำแห่งเอกภาพ(ของพระเจ้า)
 
"لا إله إلا الله"  (อ่านว่า ลา อิ ลา ฮะ อิลลัลลอฮฺ แปลว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ)"
"محمد رسول الله (อ่านว่า มุฮัมมะดุร รอซูลุลลอฮฺ แปลว่า มุฮัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮฺ)
            
“ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงต้องการจะแนะนำเขาก็จะทรงให้หัวอกของเขาเบิกบานเพื่ออิสลาม และผู้ใดที่พระองค์ทรงต้องการจะปล่อยให้เขาหลงทาง ก็จะทรงให้ทรวงอกของพวกเขาคับแคบ อึดอัด ประหนึ่งว่าเขากำลังขึ้นไปยังฟากฟ้า ในทำนองนั้นแหละอัลลอฮฺจะทรงให้มีความโสมมแก่บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธา” (อัลกุรอ่าน 6 : 125)
 

ที่มา : หนังสือความจริงที่ยิ่งใหญ่, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง