เราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดามารดาของเขา

Submitted by dp6admin on Tue, 24/04/2012 - 22:12

ก่อนที่ท่านลุกมานจะเข้าสู่บรรยากาศการอบรมสั่งสอน อัลลอฮฺทรงมีข้อตักเตือน คล้ายกับเป็นคำแนะนำก่อนเข้าสู่เนื้อหา ข้อตักเตือนที่ลุกมานจะให้แก่ลูกมีคุณค่า ลูกต้องนำไปปฏิบัติ เพราะอัลลอฮฺ   ได้สั่งสอนไว้  

وَوَصَّيْنَا الْإِنسَانَ بِوَالِدَيْهِ حَمَلَتْهُ أُمُّهُ وَهْناً عَلَى وَهْنٍ وَفِصَالُهُ  فِي عَامَيْنِ أَنِ اشْكُرْ لِي وَلِوَالِدَيْكَ إِلَيَّ الْمَصِيرُ 

ความว่า “และเราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดามารดาของเขา โดยที่มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขา อ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี เจ้าจงขอบคุณข้า และบิดามารดาของเจ้า ยังเรานั้นคือการกลับไป” [ลุกมาน 31:14]
 
อัลลอฮฺทรงสั่งให้มนุษย์เชื่อฟังและทำความดีต่อบิดามารดา เพราะมารดาต้องอุ้มครรภ์หลายเดือน อ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า ตรงนี้เป็นบุญคุณและความกรุณาของมารดา อัลลอฮฺได้ระบุช่วงเวลาที่ท้องและคลอดลูกนั้นเจ็บปวด ยังไม่รวมเวลาที่เลี้ยงดู ให้นม และล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตรงนี้เราต้องยึดเป็นความรู้เพื่อกตัญญูต่อบิดามารดาของเรา 
 
มีคนหนึ่งมาหาท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร บอกว่า ฉันไปทำฮัจญ์โดยพาแม่ที่พิการหรือเป็นอัมพฤกษ์ไปด้วย ฉันต้องให้แม่ขี่คอตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปที่ไหน อย่างนี้ถือว่าเป็นการขอบคุณและกตัญญูต่อบุญคุณของมารดาหรือยัง” อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร บอกว่า “แค่ช่วงเจ็บปวดชั่วคราวที่มารดาคลอดท่าน ที่ท่านทำทั้งหมดก็ยังไม่พอทดแทนได้” 
 
บุญคุณของบิดามารดายิ่งใหญ่มาก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกาเฟรก็ต้องกตัญญูและให้เกียรติ ถ้าบิดามารดาบังคับให้ทำชิริกก็อย่าเชื่อฟังเขา แต่ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบิดามารดาให้ทำดีที่สุด
وَإِن جَاهَدَاكَ عَلى أَن تُشْرِكَ بِي مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ فَلا تُطِعْهُمَا وَصَاحِبْهُمَا فِي الدُّنْيَا مَعْرُوفاً  وَاتَّبِعْ سَبِيلَ مَنْ أَنَابَ إِلَيَّ ثُمَّ إِلَيَّ مَرْجِعُكُمْ فَأُنَبِّئُكُم بِمَا كُنتُمْ تَعْمَلُونَ
ความว่า “และถ้าเขาทั้งสองบังคับเจ้าให้ตั้งภาคีต่อข้า โดยที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น เจ้าอย่าได้เชื่อฟังปฏิบัติตามเขาทั้งสอง และจงอดทนอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี และจงปฏิบัติตามทางของผู้ที่กลับไปสู่ข้า และยังเรานั้นคือทางกลับของพวกเจ้า ดังนั้น ข้าจะบอกแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้” [ลุกมาน 31:15]
คำตักเตือนที่ท่านลุกมานให้แก่บุตรของท่านมีความลึกซึ้งมาก ก่อนที่ท่านจะตักเตือน ท่านสอนให้ลูกรู้จักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา   เพราะเด็กที่ไม่รู้จักอัลลอฮฺ   ย่อมไม่รู้คุณค่าคำตักเตือนของพระองค์ ท่านลุกมานสอนลูกว่าทำไมเราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ   ท่านบอกว่า
 
يَا بُنَيَّ إِنَّهَا إِن تَكُ مِثْقَالَ حَبَّةٍ مِّنْ خَرْدَلٍ فَتَكُن فِي صَخْرَةٍ  أَوْ فِي السَّمَاوَاتِ أَوْ فِي الْأَرْضِ يَأْتِ بِهَا اللَّهُ إِنَّ اللَّهَ لَطِيفٌ خَبِيرٌ
ความว่า “โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริง (หากว่าความผิดนั้น) มันจะหนักเท่าเมล็ดผักสักเมล็ดหนึ่ง มันจะซ่อนอยู่ในหิน หรืออยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย หรืออยู่ในแผ่นดิน อัลลอฮฺก็จะทรงนำมันออกมา แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง” [ลุกมาน 31:16]

นี่คือเคล็ดลับ เราสอนให้ลูกยำเกรงอัลลอฮฺ   ถึงแม้ว่าความผิดจะเล็กน้อยเพียงใด อัลลอฮฺก็ทรงรู้ มีอาจารย์ที่อยากสอนให้ลูกศิษย์มีความตักวา รู้จักยำเกรงอัลลอฮฺ   ในทุกสภาพ  จึงแจกไก่ให้ลูกศิษย์คนละตัว แล้วให้เอาไก่ไปเชือดโดยไม่มีใครเห็น ลูกศิษย์ต่างก็หาที่ที่คิดว่าไม่มีใครเห็น คนหนึ่งเชือดใต้บันได อีกคนหนึ่งเข้าไปในป่า อีกคนหนึ่งแอบเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเชือดเรียบร้อยแล้วก็กลับมากันหมด บอกว่าที่ไปเชือดมารับรองไม่มีใครเห็น แต่มีท่าน ซะห ลุบนุ อับดิลลาฮฺ อัตตุชตะรียฺ คนเดียวที่ไม่ได้เชือด เมื่ออาจารย์ถามว่าทำไมไม่เชือด ท่านตอบว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหนฉันก็รู้สึกว่าอัลลอฮฺ   เห็น แล้วจะเชือดได้อย่างไร” นี่เป็นบทเรียนที่เห็นได้อย่างชัดเจน และต่อมาท่านซะห ลุบนุ อับดิลลาฮฺ อัตตุชตะรียฺ กลายเป็นอุละมาอฺที่มีความรู้และมีชื่อเสียงมาก 
 
ท่านนบี   กล่าวว่า “อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรักผู้ที่เดินทางในทะเลทรายซึ่งไม่มีใครได้ยินเขา แต่เมื่อถึงเวลาละหมาดแล้วเขาอะซาน ตักบีร” เขาอะซานเพื่อประกาศคำดำรัสของอัลลอฮฺ   ทั้งๆที่ทะเลทรายไม่มีมนุษย์ได้ยิน แต่อัลลอฮฺทรงได้ยิน เราต้องสอนลูกหลาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ชั้นฟ้าที่ไร้ขอบเขต ทะเลทรายที่กว้างขวาง หรือจะลึกลงในแผ่นดินเพียงใด อัลลอฮฺทรงรู้ 

ที่มา : หนังสือ โอ้ลูกเอ๋ย(ยาบุนัยยฺ), เชคริฎอ อะหมัด สมะดี