บุคคลที่เราเรียกร้องมีใครบ้าง?

Submitted by dp6admin on Tue, 12/01/2010 - 22:04

ถึงทุกคนที่รู้สึกถึงรสหอมหวานแห่งการศรัทธา รสชาติของการให้ การเสียสละและการรับใช้ศาสนา...

ถึงคนหนุ่มสาวของ “การตื่นตัว” ทั่วทุกเมือง ทุกประเทศ ทุกหมู่บ้าน ทุกซอย ทุกถนน ทุกมุมทั่วโลก ทุกๆสถานที่ ทุกๆมัสยิด ทุกๆโรงเรียน ทุกๆมหาวิทยาลัย

และถึงทุกคนที่รับรู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของการมีชีวิตและรู้ซึ้งถึงบทบาทของตัวเองในโลกนี้ ถึงทุกคนที่เชื่อมั่นในพระบัญญัติของอัลลอฮฺและผู้ที่เชื่อมั่นว่าตัวเองมีหน้าที่ต่อศาสนา!!!

ไม่มีการเริ่มต้นใดที่ดีที่มีความจำเริญและมีความประเสริฐไปกว่าการเริ่มต้นด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺ โดยพระองค์ได้กล่าวว่า :

(والذين جاهدوا فينا لنهدينهم سبلنا وإن الله لمع المحسنين)

ความว่า “และบรรดาผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนในหนทางของเรา แน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้กับพวกเขา และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้กระทำความดี” (29:69)

 การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อแนวทางการเผยแพร่ความดีและต่อต้านความชั่วรวมทั้งการทำให้ สัจธรรมสูงส่งและความเท็จต้อยต่ำนั้นเป็นสิ่งที่มีเกียรติอันสูงสุดที่ มนุษย์พึงกระทำในโลกดุนยานี้ อัลลอฮฺตรัสว่า :

(قل هذه سبيلي أدعو إلى الله على بصيرة أنا ومن اتبعني وسبحان الله وما أنا من المشركين)

ความว่า “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺอย่างประจักษ์แจ้งทั้งตัวฉันและผู้ปฏิบัติตามฉัน และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺ ฉันมิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี”

โอ้คนหนุ่มสาวทั้งหลายแท้จริงแล้วพวกเจ้าคือความหวังของประชาชาตินี้..พวกเจ้าเปรียบเสมือนเส้นเชือกแห่งการอยู่รอดที่อัลลอฮฺส่งมาเพื่อช่วยเหลือประชาชาตินี้ให้พ้นจากความพินาศ

...ใช่...ประชาชาตินี้กำลังย่างเข้าสู่ความพินาศ(เป็นไปตามความประสงค์ของอัลลอ ฮฺและเรามิได้เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต)

....พวกเจ้าเปรียบเสมือนน้ำแห่งชีวิต...น้ำที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่ดูเหมือนน้ำในทะเลทราย

...พวกเจ้าเปรียบเสมือนผู้ดับความกระหาย..และเป็นยาสำหรับคนป่วย..มิได้เป็นยาพิษหรือสิ่งที่ทำลายชีวิต

...สังคมโลกต่างแปลกใจว่าว่าเหตุใดประชาชาติอิสลามกล้าฝากความหวังอันใหญ่หลวงของประชาชาติต่อพวกเจ้า

...น่าแปลกใจว่าเยาวชนคนหนุ่มสาวมุสลิมสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของแนวคิดเซอร์คิวลาร์(แนวคิดที่แบ่งศาสนาออกจากเรื่องทางโลก)และกรงเล็บของสังคมนิยมและสิ่งเย้ายวนของทุนนิยมและโลกาภิวัฒน์ของอเมริกาได้อย่างไร???

...เยาวชนมุสลิมสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างไรท่ามกลางอิทธิพลการแต่งตัว การเฉลิมฉลองรื่นเริงของชาวตะวันตกที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

....พวกเขายังสามารถที่จะศึกษาเรียนรู้ศาสนาของตัวเอง..และเรียกร้องเชิญชวนไปสู่ศาสนาอันเที่ยงตรงของอัลลอฮฺได้เป็นอย่างดี!!

....น่าแปลกใจว่าเยาวชนมุสลิมสามารถประกาศต่อต้านต่อทุกสิ่งที่เป็นเท็จ ทุกสิ่งที่เป็นการตั้งภาคี ทุกสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน ทุกสิ่งที่เป็นบาป ทุกสิ่งที่ชั่วช้าได้อย่างไรกัน??
 

เขาประกาศให้ความบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ ความดีงามเป็นธงนำ จรรยามารยาทที่ดีเป็นธรรมนูญ....

ศาสนาได้สอนเขาในสิ่งเหล่านี้..สอนเขาเรื่อง เอกภาพของพระเจ้า..สอนเขาให้ละหมาดเขาจึงละหมาด...สอนเขาให้ถือศีลอดเขาจึงถือศีลอด..สอนให้อ่านอัลกุรอ่าน..สอนให้รักและปฏิบัติตามแบบอย่างท่านนบีที่ สืบเชื้อสายจากท่านอัดนาน(คือหลานของท่านนบีอิสมาอีล ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของท่านนบีมุฮัมมัดท่านหนึ่ง)

..สอนให้รักบรรดาศอฮาบะฮฺ.. สอนให้เสียสละทุ่มเทเพื่อศาสนา..สอนให้ห่วงใยพี่น้องร่วมศาสนา...และเสียสละเพื่อสังคมโลกทั้งมวล...สอนให้มีชีวิตเพื่อคนอื่น...สอนให้ตายในหนทางของอัล ลอฮฺและศาสนาของพระองค์..สอนมิให้เสียดายชีวิตตัวเองเพื่อรักษาปกป้องหลักการและความถูกต้อง..สอนให้ยกย่องความดีงามในชีวิต

..สอนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺและไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์..สอนไม่ให้เชื่อฟังมนุษย์คนใด มากกว่าท่านศาสดา...ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของอัลลอฮฺ..ทุกชีวิตต้องนอบน้อมและเชื่อฟังท่านนบี...ซึ่งบรรดาเยาวชนมุสลิมได้ศึกษาสิ่ง เหล่านี้และเรียนรู้ที่จะสอนมนุษยชาติทั้งปวง...

 
แน่นอนว่าเยาวชนแบบนี้แหละที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายต่างร่วมมือร่วมแรงกันที่จะทำลาย เพราะเห็นแล้วว่าเยาวชนแบบนี้จะเป็นภัยอันตรายต่อความเชื่อ สถานภาพและการหาความสุขของพวกเขา...คุกคามอารยธรรมอันหลอกลวงของพวกเขา หรือแม้แต่การมีอยู่ของพวกเขา

...ใช่...เยาวชนแบบนี้แหละคือภัยที่แท้จริงต่ออารยธรรมตะวันตกในปัจจุบันเพราะไม่มีเยาวชนใดที่สามารถยืนหยัด ต่อสู้ อดทนและปฏิเสธต่อสิ่งยั่วยวนของอารยธรรมตะวันตกได้นอกจากบรรดาเยาวชนมุสลิมเหล่านี้

....สงครามได้ถูกประกาศทั่วทุกหนแห่งอย่างเปิดเผยว่ากลุ่มเยาวชนมุสลิมเหล่านี้ต้องถูกกำจัดให้หมดไปจากโลก..ต้องทำลายเสาหลักของขบวนการตื่นตัวนั่นคือเยาวชนคนหนุ่มสาวนั่นเอง...นี่คือสิ่งที่ตะวันตกและผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายพูดและย้ำอยู่เสมอ

...พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะขจัดขัดขวาง บรรดาเยาวชนให้ห่างไกลจากมัสยิด...ขัดขวางมุสลิมจากการไว้เครา..ขัดขวางมุ สลิมะฮฺจากการคลุมฮิญาบและผ้าปิดหน้าของเธอ

....พวกตะวันตกรวบรวมกำลังทั้งหมด เพื่อหลอกล่อเยาวชนมุสลิมด้วยความสุขจอมปลอม สิ่งเย้ายวนและสิ่งต้องห้ามทั้งหลายบนโลกดุนยา...เพื่อให้พวกเขาห่างไกลจากศาสนา เพื่อมิให้พวกเขาได้ลุกขึ้นต่อสู้และยืนหยัดในแนวทางของศาสนาของพวกเขา...

 

แล้วแผนการของพวกตะวันตกสำเร็จหรือไม่???...คำตอบคือ ไม่..ขอสาบานด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม...แท้จริงแล้วทุกแผนการของพวกเขานั้นล้มเหลว... อิสลามได้คืบคลานไปทุกสถานที่ไม่เว้นแม้แต่ในบ้านเมืองของตะวันตกเอง.. ชาวตะวันตกได้เห็นกองทัพแห่งการเผยแพร่สัจธรรมและเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ และการสนทนาในเรื่องอิสลามของบรรดาเยาวชนมุสลิมในทุกสถานที่แม้แต่ในเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งเย้ายวน การปฎิเสธศรัทธา และการตั้งภาคี....

 
โอ้.. บรรดาเยาวชนหนุ่มสาวทั้งหลาย..จงยอมรับการท้าทายนี้เถิด..พวกเจ้าคือลูกศิษย์ของท่านศาสดา...พวกเจ้าคือยาที่จะเยียวยารักษาประชาชาตินี้...ใช่..จงต่อสู้กับความชั่วทั้งหลาย...จงแสดงพลังแห่งอีมานของพวกเจ้า...จงประกาศให้กึกก้องถึงอิสลามของพวกเจ้า...ถึงแม้จะมีคนไม่พอใจ..ถึงแม้จะถูกรังเกียจโดย ผู้มีอคติผู้อิจฉาริษยาก็ตาม...!!
 
                จงจำไว้..ใครที่ดูถูกเคราของพวกเจ้าก็จงเชิญชวนเขาให้ไว้เครา...

                 จงจำไว้..ใครที่ดูถูกฮิญาบของเธอก็จงบอกเขาให้ปิดหน้า..แท้จริงมันเป็นบัญญัติของอัลลอฮฺ

                 จงจำไว้..ใครที่ดูถูกการละหมาดและการไปมัสยิดของเจ้าก็จงดึงเขาไปมัสยิดพร้อมเจ้า..

                 ใครที่ดูถูกว่าพวกเจ้าไม่ฟังดนตรีก็จงให้เขาฟังเสียงอัลกุรอ่านและจงปิดเพลงของเขา...

 
แท้จริงเวลาแห่งการรู้สึกต่ำต้อยได้ผ่านไปแล้ว..เวลาแห่งการถูกดูแคลนได้ผ่านไปแล้ว

....ขณะนี้มันเป็นเวลาของการเผยแผ่อย่างเปิดเผย...ขึ้นไปบนอัฒจันทร์ เข้าไปในห้องบรรยายของมหาวิทยาลัยและตะโกนบอกเถอะว่า “โอ้มนุษย์ทั้งหลายจงกลับมาเถิด..จงกลับมาหาพระเจ้าของพวกเจ้า..ศาสนาของพวกเจ้า"

...ยืนขึ้นในสนามและเชิญชวนผู้คนเถิด เจ้าจะพบว่ามีคนฟังพวกเจ้าอยู่...ทุกครั้งที่เจ้าเดินทางจงคุยกับเพื่อนร่วมทาง...เมื่อใดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเรียกพวกเจ้าก็จงบอกพวกเขาถึงเรื่องอิสลาม..จงทำให้พวกเขายำเกรงอัลลอฮฺเถิด..จงสรรเสริญศาสนาและความเมตตาให้เขาฟัง

....จงปลุกสำนึกแห่งการศรัทธาที่ซ่อนอยู่ในใจพวกเขาให้ตื่นขึ้น..จงชักชวนพวกเขาไปสู่ศาสนาของอัลลอฮฺอีกครั้งหนึ่ง

...เมื่อใดที่พวกเขาทำร้ายพวก เจ้าก็จงกล่าวเถิดว่าอัลลอฮฺเพียงพอสำหรับเราแล้ว..และจงเผยแผ่แก่่คนที่ทรมานพวกเจ้า..จงทำให้เขายำเกรงอัลลอฮฺ..พวกเขาจะไม่มีวันที่จะยึดอีมานของเจ้าไป..จะได้ก็เพียงร่างกาย เนื้อหนังของเจ้า..ไม่มีทางจะได้รับความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อเจ้าไป.. และเวลาที่เจ้าโดนทำร้ายนั้นเจ้าจะได้รับรู้ถึงความหอมหวานแห่งอีมานที่ไม่ มีใครสามารถรู้สึกได้ยกเว้นผู้ที่เสียสละร่างกายของเขาเพื่อรับใช้ศาสนาของอัลลอฮฺ

....จงอย่าเป็นคนที่เบื่อหน่ายง่าย...อย่าเป็นคนที่ชอบบ่นชอบฟ้องแต่ ไม่ปฏิบัติไม่มีผลงาน...พอแล้ว...หยุดเพ้อเจ้อเถิด...แต่จงปฏิบัติ..จงแสดงให้เห็น..ยังมีการงานอีกมากที่เจ้าต้องทำ...มีหนังสืออีกมากมายที่เจ้าต้องเผยแพร่...สารต่างๆที่เจ้าต้องแจก...บทความสิ่งพิมพ์นานาชนิดที่รอการแจกจ่าย

....เราอาจจะถูกจับ...ติดคุก..แต่ถ้าเมื่อใดที่เราพร้อมใจกันทำงานพร้อมใจกันรับใช้ศาสนา..พวกเขาจะไม่สามารถจองจำแม้แต่ซักคนเดียวในหมู่พวกเจ้าได้ ..พวกเขาจะไม่มีคุกเพียงพอที่จะกักขังคนหนุ่มสาวเรือนแสนเรือนล้านได้..ถ้าแม้พวกเขาจองจำพวกเจ้า กระนั้นก็ดีพวกเขาจะไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับอาหารให้แก่พวกเจ้า..พวกเขาต้องปล่อยพวกเจ้า

...โลกวันนี้ไม่ใช่โลกของเมื่อวันวาน ...ความกลัวของเมื่อวันวานไม่ใช่ความกลัวของวันนี้...จงละทิ้งความกลัวทั้งหลาย...จงละทิ้งความลังเลทั้งหลาย...จงทำ..จงเคลื่อนไหว..ทุกคนจะได้รับความ สะดวกสำหรับสิ่งที่เขาถูกกำหนดมา...
 


 


หนังสือ เยาวชนมุสลิม...ความหวังของประชาชาติอิสลาม, ชัยคฺริฎอ อะหมัด สมะดี