ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม ครั้งที่ 184 (หะดีษที่ 35/6 มุสลิมเป็นพี่น้องกัน)

Submitted by admin on Fri, 31/10/2014 - 19:19
หัวข้อเรื่อง
"..จงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺอย่างเป็นพี่น้องกัน มุสลิมกับมุสลิมเป็นพี่น้องกัน..", สิ่งที่จะทำให้เรารักกัน, สิทธิระหว่างมุสลิม, การเลี้ยงวะลีมะฮฺ, อะกีเกาะฮฺ, ความสำคัญของการสลาม,
สถานที่
มุศ็อลลา White Channel
วันที่บรรยาย
7 มุฮัรรอม 1436
วันที่บรรยาย
วันที่อัพ
ขนาดไฟล์
24.80 mb
ความยาว
104.00 นาที
มีวีดีโอ
มี
รายละเอียด

الحديث الخامس والثلاثون 
 
عَنْ أَبي هُريرةَ رضي الله عنه ، قالَ : قالَ رسول الله صلى الله عليه وسلم  : (( لا تَحَاسَدُوا ، ولا تَنَاجَشوا ، ولا تَبَاغَضُوا ، ولا تَدَابَرُوا ، ولا يَبِعْ بَعضُكُمْ على بَيعِ بَعضٍ ، وكُونُوا عِبادَ اللهِ إِخْواناً ، المُسلِمُ أَخُو المُسلم ، لا يَظلِمُهُ ولا يَخذُلُهُ ، ولا يَكذِبُهُ ، ولا يَحقِرُهُ ، التَّقوى هاهُنا )) ، - ويُشيرُ إلى صدرِهِ ثلاثَ مرَّاتٍ - (( بِحَسْبِ امرئٍ مِنَ الشَّرِّ أنْ يَحقِرَ أخَاهُ المُسلِمَ ، كُلُّ المُسلمِ على المُسلِمِ حرامٌ : دَمُهُ ومَالُهُ وعِرضُهُ )) . رواه مسلم .
จากอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายอย่าได้อิจฉาริษยากันและกัน อย่าแย่งผลประโยชน์กัน อย่าโกรธกัน อย่าหันหลังให้แก่กัน  อย่าซื้อขายโดยหักหลังซึ่งกันและกัน(ตัดหน้า) จงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺอย่างเป็นพี่น้องกัน มุสลิมกับมุสลิมเป็นพี่น้องกัน จะไม่อธรรมกัน จะไม่ทิ้งกัน และจะไม่โกหกกัน และจะไม่ดูถูกกัน “ตักวาอยู่ที่นี่” – ท่านนบีชี้ไปที่อก(หัวใจ)ของท่านและกล่าว 3 ครั้ง – เป็นความเลวเพียงพอแล้ว คนที่ดูถูกพี่น้องมุสลิม มุสลิมต่อมุสลิมทั้งหมดเป็นที่ต้องห้ามละเมิดเป็นอันขาด ได้แก่ เลือด(ทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต), ทรัพย์สมบัติของเขา และเกียรติของเขา”

หะดีษนี้บันทึกโดยมุสลิม

วีดีโอ


 
 
وفيه أمرٌ باكتساب ما يصيرُ المسلمون به إخواناً على الإطلاق ، وذلك يدخلُ فيه أداءُ حقوقِ المسلم على المسلم مِنْ رَدِّ السلامِ ، وتشميت العاطس ، وعيادة المريض ، وتشييع الجنازة ، وإجابةِ الدَّعوة ، والابتداء بالسَّلام عندَ اللِّقاء ، والنُّصح بالغيب .
สิทธิต่อพี่น้องมุสลิมได้แก่ รับสลาม, รับจาม, เยี่ยมเยียนผู้ป่วย, สนับสนุนญะนาซะฮฺ, ตอบรับคำเชิญ(ทานอาหาร), เริ่มสลามเมื่อพบปะกัน, ให้มีความบริสุทธิ์ใจ(แม้อยู่)ลับหลัง
 
وفي " الترمذي " ( ) عن أبي هُريرة ، عن النَّبيِّ  ، قال : (( تَهادَوا ، فإنَّ الهديةَ تُذهِبُ وَحَرَ الصَّدر )) .
(หะดีษเฎาะดีฟ) “จงให้ฮะดียะฮฺ(ของขวัญ) แท้จริงการให้ฮะดียะฮฺจะลบล้างความโกรธในหัวใจ”
 وخرَّجه غيرُه ( ) ، ولفظه : (( تهادُوا تحابُّوا )) .
“จงให้ฮะดียะฮฺกันและกัน เพื่อจะได้รักกันและกัน”
 
وفي " مسند البزار " ( ) عن أنس ، عن النَّبيِّ  ، قال : (( تهادوا ، فإنَّ الهدية تَسُلُّ السَّخيمة )) .
จงให้ฮะดียะฮกัน เพราะมันจะถอดถอนความโสโครกภายใน (หะดีษเฎาะอีฟ)
 
ويُروى عن عمر بن عبد العزيز - يرفعُ الحديثَ - قال : (( تصافحوا ، فإنَّه يُذهِبُ الشَّحناء ، وتهادُوْا )) ( ) .
อุมัร อิบนุอับดิลอะซีซ “จงจับมือกัน(สลาม) เพราะมันจะทำให้สิ้นสุดซึ่งความโกรธแค้น และจงให้ฮะดียะฮฺกัน
وقال الحسن : المصافحةُ تزيد في الودِّ ( ) . 
อัลหะซัน อัลบัศรี – การให้สลามโดยจับมือจะเพิ่มพูนซึ่งความรัก
وقال مجاهد ( ) : بلغني أنه إذا تراءى المتحابّان ، فضحك أحدُهما إلى الآخر ، 
وتصافحا ، تحاتت خطاياهما كما يتحاتُّ الورقُ من الشجر ، فقيل له : إنَّ هذا ليسيرٌ 
มุญาฮิด* – ข้าพเจ้าได้ยิน(จากเศาะฮาบะฮฺ)ว่า  เมื่อสองคนรักกันในหนทางของอัลลอฮฺเจอกันแล้วดีใจ(ว่าจะได้ผลประโยชน์ด้านศาสนา)ยิ้มให้กัน แล้วจับมือสลามกัน ความผิดของเขาจะร่วงลง ประหนึ่งใบไม้ที่ร่วง 
มุญาฮิดถูกถามว่า ง่ายเหลือเกิน (แค่นี้เหรอที่จะลบล้างความผิด)
มุญาฮิดตอบว่า ท่านคิดว่าง่ายหรือ  อัลลอฮฺตรัสว่า
 
[*อัลมุค็อดเราะมีน – ตาบิอีนที่ทันยุคของนบี แต่ไม่ได้เห็นท่านนบี (มุญาฮิดเป็นตาบิอีนรุ่นกลาง)]
 
مِنَ العمل ، قال : تقولُ يسيرٌ والله يقولُ :  لَوْ أَنْفَقْتَ مَا فِي الأَرْضِ جَمِيعاً مَا أَلَّفْتَ بَيْنَ قُلُوبِهِمْ وَلَكِنَّ اللهَ أَلَّفَ بَيْنَهُمْ إِنَّهُ عَزِيزٌ حَكِيمٌ  ( ) .
8:63 และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขา หากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด เจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขาได้
 
---
รายงานจากอะบีฮุรอยเราะห์  จากท่านนบี กล่าวว่า :
"อาหารที่เลวที่สุดคืออาหารที่เลี้ยงในงานแต่งงาน ซึ่งห้ามผู้ที่อยากจะมา และเชิญผู้ที่ไม่อยากจะมา ผู้ใดไม่ตอบรับคำเชิญ แท้จริงเขาได้ฝ่าฝืนอัลเลาะห์ และรอซูลของพระองค์"
บันทึกโดยมุสลิม (ดูในมุสลิม หะดีษ เลขที่ 1432)
 
وخرَّج الإمام أحمد ( ) والترمذي ( ) من حديث الزُّبير بن العوَّام ، عن النَّبيِّ  : (( دبَّ إليكم داءُ الأمم من قبلكم : الحسدُ والبغضاءُ ، والبغضاءُ هي الحالقة ، حالقة الدين لا حالقةُ الشعر ، والذي نفس محمد بيده لا تُؤمنوا حتى تحابُّوا ، أولا أُنبئكم بشيءٍ إذا فعلتموه تحابَبْتُم ؟ أفشوا السَّلام بينكم )) .
หะดีษนี้มีปัญหานิดนึง (อิลละฮฺ) จากอัซซุบัยรฺ อิบนุลเอาวาม (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนบี สามีของอัสมา อิบนุอบีบักรฺ ท่านรับอิสลามเมื่ออายุ 13 ปี ได้รับฉายาว่า ฮะวารียี) มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ อุรวะฮฺ เป็นลูกชายของมุฮาญิรีนคนแรกที่เกิดที่มะดีนะฮฺ
ท่านได้รายงานหะดีษจากนบีว่า “โรคของประชาชาติยุคก่อนได้คืบคลานมายังพวกท่านแล้ว อิจฉาริษยาและความโกรธ ความโกรธนั้นคือสิ่งที่มันโกน(โค่น)ศาสนา ขอสาบานด้วยพระผู้ที่วิญญาณของมุฮัมมัดอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ว่า พวกเจ้าจะไม่ศรัทธาจนกว่าจะรักกันและกัน พวกเจ้าอยากทราบมั้ย อะไรที่ทำแล้วพวกเจ้าจะรักกัน จงแพร่สลามกันและกัน(อย่างกว้างขวาง สม่ำเสมอ บ่อยครั้ง)"
- การทักทายด้วยมือโดยไม่กล่าวสลาม เป็นการทักทายของยิว

 

icon4