และเมื่ออันตรายประสบกับมนุษย์ เขาก็จะวิงวอนขอเราในสภาพนอนตะแคง หรือนั่งหรือยืน ครั้นเมื่อเราปลดเปลื้องอันตรายของเขาให้พ้นจากเขาไปแล้ว เขาก็เมินคล้ายกับว่าเขามิได้วิงวอนขอเราให้พ้นจากอันตรายที่ได้ประสบแก่เขา เช่นนั้นแหละ ถูกทำให้สวยงามแก่บรรดาผู้ละเมิดขอบเขตในสิ่งที่พวกเขากระทำ (ซูเราะฮฺยูนุส 10:12)
“ผู้ใดตื่นละหมาดกลางคืนด้วย 10 อายะฮฺ จะไม่ถูกบันทึกว่าเป็นผู้หลงลืม และผู้ใดตื่นละหมาดกลางคืนด้วย 100 อายะฮฺ จะถูกบันทึกว่าเป็นกอนิตีน และผู้ใดละหมาดกลางคืนด้วย 1,000 อายะฮฺ จะถูกบันทึกว่าเป็นมุกอนฏิรีน”
“แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอัลก็อดรฺ และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ว่าคืออัลก็อดรฺนั้นคืออะไร ? คืนอัลก็อดรฺนั้นดียิ่งกว่าหนึ่งพันเดือน บรรดามะลาอิกะฮฺและอัลรูหฺฺ (ญิบรีล) จะลงมาในคืนนั้นโดยอนุมัติแห่งพระเจ้าของพวกเขา เนื่องจากกิจการทุกสิ่ง (ได้ถูกกำหนด) คืนนั้นมีความศานติจนกระทั่งรุ่งอรุณ”
( كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَعْتَكِفُ في كُلِّ رَمَضَانَ عَشَرَةَ أَيَّامٍ فَلَمَّا كَانَ العَامُ الَّذِيْ قُبِضَ فِيْهِ اعْتَكَفَ عِشْرِيْنَ يَوْمَاً )
“ท่านร่อซูลุลอฮฺ ได้ทำเอี๊ยะอฺติก๊าฟในทุกเดือนรอมฎอนเป็นเวลาสิบวัน ต่อมาในปีที่ท่านเสียชีวิตท่านได้ทำเอี๊ยะอฺติก๊าฟเป็นเวลา 20 วัน”
"มีคำกล่าว 2 คำ เมื่อกล่าวแล้วเบาลิ้น มีน้ำหนักในตราชั่ง เป็นที่รักยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ คือ سُبْحَانَ الله وَبِحَمْدِهِ ، سُبْحَانَ اللهِ العَظِيْمِ (มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺและด้วยการสรรเสริญต่อพระองค์ มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่)
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ! พวกเจ้าอย่าติดตามทางเดินของชัยฎอน และผู้ใดติดตามทางเดินของชัยฎอน แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและความชั่ว และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮฺแก่พวกเจ้า และความเมตตาของพระองค์แล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดเลยในหมู่พวกเจ้าบริสุทธิ์ แต่อัลลอฮฺทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์บริสุทธิ์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
((إنَّ لله عتقاءَ في كلِّ يوم وليلة، لكلِّ عبد منهم دعوةٌ مستجابة))
"แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ในทุกวันและทุกคืนของเดือนรอมฎอน อัลลอฮฺจะทรงปลดปล่อยจากไฟนรก และสำหรับมุสลิมทุกคน เมื่อเขาวิงวอนขอพร เขาจะได้รับการตอบรับ"
พึงทราบเถิด ! แท้จริง บรรดาคนที่อัลลอฮฺรักนั้น ไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ. คือบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง. สำหรับพวกเขาจะได้รับข่าวดี ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และในโลกหน้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในลิขิตของอัลลอฮฺ นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
( مَا مِنْ عَبْدٍ يَصُوْمُ يَوْمَاً فِيْ سَبِيْلَ اللهِ إِلا بَاعَدَ اللهُ بِذَلِكَ وَجْهَهُ عَنِ النَّارِ سَبْعِيْنَ خَرِيْفَاً )
“ไม่มีบ่าวคนใดถือศีลอดวันหนึ่งในหนทางของอัลลอฮฺ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงให้ใบหน้าของเขาห่างไกลจากไฟนรกเป็นเวลาถึง 70 ปี”
إِنَّ اللَّـهَ لَا يَظْلِمُ النَّاسَ شَيْئًا وَلَـٰكِنَّ النَّاسَ أَنفُسَهُمْ يَظْلِمُونَ
แท้จริงอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงอธรรมแก่มนุษย์แต่อย่างไร แต่ว่ามนุษย์ต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง (ซูเราะฮฺยูนุส 10:44)
ได้ทำเอี๊ยะอฺติก๊าฟในทุกเดือนรอมฎอนเป็นเวลาสิบวัน ต่อมาในปีที่ท่านเสียชีวิตท่านได้ทำเอี๊ยะอฺติก๊าฟเป็นเวลา 20 วัน” 
