การรับใช้ศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นแก่มุสลิมทุกคน 2

Submitted by dp6admin on Fri, 17/12/2010 - 11:12

 ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้อธิบายอายะฮฺ

يَا أَيُّهَا الْمُدَّثِّرُ ﴿١﴾ قُمْ فَأَنذِرْ ﴿٢﴾ 
 "โอ้ผู้ห่มกายอยู่เอ๋ย จงลุกขึ้นแล้วประกาศตักเตือน" (74:1-2)
 
ว่า เป็นสิ่งจำเป็นแก่ประชาชาติที่จะต้องประกาศและเผยแผ่สิ่งที่ถูกประทานลงมายังท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และจะต้องทำหน้าที่ตักเตือน ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
فَلَوْلَا نَفَرَ مِن كُلِّ فِرْقَةٍ مِّنْهُمْ طَائِفَةٌ لِّيَتَفَقَّهُوا فِي الدِّينِ وَلِيُنذِرُوا قَوْمَهُمْ إِذَا رَجَعُوا إِلَيْهِمْ لَعَلَّهُمْ يَحْذَرُونَ
"..ทำไมแต่ละกลุ่มในหมู่พวกเขาจึงไม่ออกไปเพื่อหาความเข้าใจในเรื่องศาสนา และเพื่อจะได้ตักเตือนหมู่คณะของพวกเขาเมื่อพวกเขาได้กลับมายังหมู่คณะของพวกเขา.." (9:122)
 
แม้กระทั่งพวกญินเมื่อได้ยินการอ่านอัลกุรอาน "พวกเขาก็หันหลังกลับไปยังหมู่ชนของพวกเขาเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตักเตือน" (46:29)
 
อิหม่ามอิบนุลก็อยยิม ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า  -- การเผยแผ่ซุนนะฮฺของท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แก่ประชาชาติ ประเสริฐยิ่งกว่าการยิงลูกศรไปยังหน้าอกของศัตรู เพราะการยิงลูกศรไปยังหน้าอกของศัตรูนั้นมีผู้คนกระทำกันมากมาย ส่วนการเผยแผ่ซุนนะฮฺนั้นไม่มีใครกระทำกัน นอกจากบรรดา"ผู้รับมรดก" และตัวแทนของบรรดานะบีในประชาชาติของพวกเขา (หมายถึงบรรดาผู้รู้) ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงบันดาลให้พวกเราอยู่ในบรรดา"ผู้รับมรดก"ด้วยความเมตตากรุณาของพระองค์ด้วยเทอญ
 
อิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ กล่าวว่า -- พึงทราบเถิดว่า ทุกๆคนที่นั่งอยู่ในบ้านในขณะนี้ จะไม่รอดพ้นจากการทำความผิด(ที่ปรากฏในสังคม) เนื่องจากเขาเพิกเฉยหรือละเลยจากการชี้แนะและสั่งสอนผู้คนให้กระทำความดี เพราะส่วนใหญ่ของมนุษย์นั้นไม่มีความรู้ในเรื่องบัญญัติศาสนา เช่น เงื่อนไขต่างๆของการละหมาด  ดังนั้นจึงจำเป็นสำหรับทุกมัสยิดในตัวเมืองที่จะต้องมีผู้รู้ในเรื่องศาสนา สั่งสอนผู้คนให้ได้รับความรู้ในเรื่องศาสนา และเช่นเดียวกันตามหัวเมืองและชนบท ก็จำเป็นที่ผู้รู้ทุกคนต้องออกไปยังหัวเมืองใกล้เคียงเพื่ออบรมสั่งสอนผู้คนในเรื่องศาสนาและบัญญัติต่างๆ
 
มีรายงานจาก ญะอฺฟัร อิบนุสุลัยมาน ว่า ฉันได้ยิน มาลิก อิบนุดีนาร กล่าวว่า -- หากฉันสามารถที่จะไม่นอนฉันก็จะไม่นอน เพราะกลัวว่าการลงโทษจะเกิดขึ้นในขณะที่ฉันกำลังนอนหลับ และถ้าฉันพบบรรดาผู้ให้ความช่วยเหลือ ฉันก็จะจัดส่งพวกเขาแยกย้ายกันไปตะโกนร้องในทุกแห่งหนว่า โอ้มหาชนทั้งหลาย ไฟไหม้! ไฟไหม้!
 
อิบรอฮีม อิบนุลอัชอัษ กล่าวว่า -- เมื่อเราออกไปพร้อมกับ อัลฟุฎ็อยลฺ อิบนุอิยาฎ เพื่อละหมาดญะนาซะฮฺ เขาจะพูดกล่าวตักเตือนและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งไปถึงหลุมฝังศพ ประดุจดังว่าเขากล่าวลาเพื่อนฝูงของเขาเพื่อไปยังโลกอาคิเราะฮฺ แล้วเขาได้นั่งลงคล้ายกับว่าเขาได้นั่งท่ามกลางคนตายในสภาพที่เศร้าโศกเสียใจและร้องไห้ จนกระทั่งเขาได้ลุกขึ้นยืนเสมือนกับว่าเขาได้กลับมาจากโลกอาคิเราะฮฺเพื่อบอกข่าวคราวแก่พวกเรา
 
มีรายงานจาก ชุญาอฺ อิบนุลวะลีด กล่าวว่า -- ฉันได้ออกไปกับซุฟยานอัลเซารีย์ ฉันเห็นว่าลิ้นของเขาไม่ยุติจากการใช้ให้ทำความดีและละเว้นความชั่วทั้งขาไปและขากลับ
 
อิหม่ามอัซซุฮฺรียฺ มิได้ทำหน้าที่เพียงแต่อบรมชนเผ่าต่างๆ และผลิตผู้นำทางฮะดีสเท่านั้น แต่ท่านยังได้ออกไปยังชนบทนอกเมืองเพื่ออบรมสั่งสอนพวกเขาด้วย
 
อาจารย์สอนศาสนาชื่อดัง อะหมัด อัลฆ่อซาลีย์ (พี่ชายของ อะบูฮามิด อัลฆ่อซาลีย์) ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺได้ออกไปตามหมู่บ้านเล็กๆเป็นประจำ เพื่อสั่งสอนชาวบ้านโดยหวังความโปรดปรานและความใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
 
อัลรอชีด  (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองเขา) กล่าวว่า -- ไม่เป็นการบังควรแก่นักเผยแผ่ที่จะเกิดความน้อยใจ ถ้าหากเขาไม่มีเวลาว่างที่จะละหมาดในเวลากลางคืนทุกๆคืน หรือจะอ่านอัลกุรอานให้จบหลายๆครั้ง เพราะสิ่งที่เขากระทำ เช่น การเผยแผ่เชิญชวน การสั่งสอนผู้คน และการอบรมเยาวชนนั้น เป็นการดียิ่งและได้รับผลบุญยิ่งกว่า เพราะตัวอย่างของเขาและผู้นำเขาคือ บรรดาผู้นำนักเผยแผ่จากบรรดาสะลัฟ ซึ่งพวกเขาได้กระจายกันออกไปเพื่อเรียกร้องเชิญชวนและเผยแผ่สัจธรรม โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนานาประการ พวกเขาเป็นผู้ริเริ่มในการสังสรรค์และออกไปคบหาสมาคมกับผู้คนทั่วไปเพื่อการเผยแผ่ พวกเขามิได้เฝ้าคอยให้ผู้คนมาหาเพื่อสอบถามปัญหาต่างๆ
 
อาหรับชนบทคนหนึ่งได้เข้าไปหาท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และได้ถามท่านว่า "โอ้มุฮัมมัด ผู้แทนของท่านคนหนึ่งได้ไปหาพวกเรา แล้วได้อ้างกับพวกเราว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ส่งท่านมาเพื่อเชิญชวนไปสู่การเคารพภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว จริงหรือ?
 
อัลรอชีดกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า -- ได้มีผู้แทนของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ออกไปพบปะผู้คนในฐานะเป็นนักเผยแผ่ และผู้คนก็ได้มารวมกลุ่มกัน ดังนั้นผู้ใดที่รอคอยให้ผู้คนมาหาเขา เขาก็มิใช่นักเผยแผ่ศาสนา และถ้าหากจะเอาคำพูดของอาหรับชนบทคนนั้นมาวิเคราะห์กันแล้ว ก็จะประจักษ์ได้ว่า ด้วยเหตุผลใดสาวกนักเผยแผ่ผู้นั้นจึงเดินทางออกจากนครอัลมะดีนะฮฺ เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ส่งเขาออกไปยังหมู่บ้านหนึ่ง และด้วยเหตุผลใดเขาจึงต้องพลัดพรากจากครอบครัวของเขา บ้านของเขาและลูกหลานของเขา โดยไม่สนใจต่อความยากลำบากในการเดินทางไปท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ต้องเผชิญกับภยันตราย ความร้อน ความหนาว เพื่อที่จะเรียกร้องเชิญชวนมหาชนไปสู่อิสลาม และนี่คือกิจกรรมของการเผยแผ่เรียกร้อง เพื่อที่จะให้บรรลุสู่เป้าหมายของมัน
 
ดังนั้น จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว มีการเริ่มต้น มีการเดินทางอยู่เสมอ มีการพูดและการเรียกร้องเชิญชวน, การนั่งอยู่กับที่และสร้างจินตนาการ มิใช่แนวทางที่จะทำให้บรรลุสู่เป้าหมาย ดังนั้น ท่านจงมีความรู้ความเข้าใจ และศึกษาชีวประวัติของบรรดาสะละฟุศศอและฮฺ และจงเลียนแบบพวกเขา ซึ่งจะทำให้ท่านบรรลุสู่เป้าหมาย มิฉะนั้นแล้ว ท่านก็จงจำศีลอยู่กับบ้านของท่านเถิด เพราะท่านจะไม่มีโอกาสได้มองเห็นเดือนเห็นตะวันดอก !!

ที่มา : หนังสือ การรับใช้ศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นแก่มุสลิมทุกคน, เชคริฎอ อะหมัด สมะดี